- 30 ก.ย. 2563
แนะเลี่ยงกิน อาหารค้างคืน เสี่ยงงานเข้าไม่รู้ตัว
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะเลี่ยงอาหารค้างคืนหรือต้ม ตุ๋น เป็นเวลานานเกิน 4 ชั่วโมงขึ้นไป มีโอกาสทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลง เก็บไม่ถูกวิธีเสี่ยงบูด หากบริโภคเข้าไปอาจทำให้เสี่ยงอาหารเป็นพิษตามมาได้
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวหญิงรายหนึ่ง กินปอเปี๊ยะที่เก็บไว้ในตู้เย็นนานกว่า 3 วัน ก่อนจะเกิดอาการปวดท้องและท้องเสียอย่างรุนแรง สุดท้ายเสียชีวิตในห้องน้ำ สาเหตุคาดว่าเกิดจากอาหารเป็นพิษท้องร่วงอย่างรุนแรงและอาเจียนจนร่างกายขาดน้ำเฉียบพลัน ทำให้ช็อกและเสียชีวิตนั้น (อ่านต่อที่ สามีกอดศพร่ำไห้ปานจะขาดใจ หลังภรรยากินปอเปี๊ยะและเกิดท้องเสียรุนแรงเสียชีวิตคาห้องน้ำ)
ซึ่งปกติประชาชนส่วนใหญ่เมื่อกินอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารที่ปรุงประกอบในปริมาณมากไม่หมด ก็นำไปเก็บไว้ในตู้เย็น แล้วนำไปอุ่นรับประทานในมื้อต่อไป โดยอาหารที่มีการอุ่นซ้ำซากหรือต้มตุ๋นเป็นระยะเวลานานเกิน 4 ชั่วโมงขึ้นไป จะมีโอกาสทำให้คุณค่าด้านโภชนาการลดลง จึงควรเลือกซื้อหรือปรุงอาหารแต่พอกินในแต่ะละมื้อ เพราะอาหารที่ปรุงสุกใหม่ คุณค่าทางโภชนาการจะมีมากกว่าอาหารที่ผ่านการอุ่นหลายๆ ครั้ง และไม่เสี่ยงต่อการบูดเสีย ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงอาหารเป็นพิษตามมาด้วย
"สำหรับอาหารประเภทผักสด ผัดผัก ผักลวก นึ่ง ต้ม ถ้าเหลือแล้วนำไปเก็บไว้รับประทานมื้อต่อไปคุณค่าทางโภชนาการของผักก็จะลดลง และรสชาติจะเปลี่ยนไป หากมีการเก็บรักษาไม่ดีพอ อุณหภูมิในการเก็บไม่เหมาะสม จุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนในระหว่างเก็บก็จะทำให้ท้องเสียหรือมีอาการรุนแรงถึงขั้นอาหารเป็นพิษได้ ดังนั้น จึงควรกินผักสดเป็นประจำอย่างน้อยมื้อละ 2 ทัพพี เพราะในผักมีวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร รวมทั้ง สารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกาย นอกจากนี้การกินอาหารประเภทกะทิค้างคืนที่มีส่วนประกอบเป็นเนื้อสัตว์ หากมีการเก็บรักษาไม่ดีพอหรืออุ่นด้วยความร้อนไม่ทั่วถึง อาจทำให้เน่าเสียได้เช่นเดียวกัน" รองฺอธิบดี กรมอนามัย กล่าว