- 03 ต.ค. 2563
ป้าแต๋น ยอมพูดแล้ว หลังผลตรวจดีเอ็นเอเส้นผม ตรงกับผู้หญิงฝ่ายแม่
จากกรณีการเสียชีวิตปริศนาของ “น้องชมพู่” อายุ 3 ขวบ เหตุเกิดที่บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 63 กระทั่งไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาDNAแฝงแต่ผ่านไปเดือนกว่าแล้วก็ยังไม่สามารถคลี่คลายคดีได้
หลังจากนั้นเมื่อลุงพลทราบเรื่องที่แม่น้องชมพู่สงสัยก็เกิดความเสียใจเป็นอย่างมากไม่คิดว่า แม่น้องชมพู่จะคิดแบบนี้กับตน จึงประกาศตัดญาติ เรื่องราวเริ่มบานปลายเพราะต่างฝ่ายๆต่างแฉกันไปมา และเรื่องราวดังกล่าวมีชาวโซเชี่ยลจำนวนมาก เกรงว่าลุงพลจะโดนหมายจับ และเชื่อว่าลุงพลไม่ได้ทำแน่นอน
ต่อมาจากการสืบสวบสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ได้มีการสัมภาษณ์พยานบุคคล จำนวน 384ปาก และได้สอบปากคำเข้าสำนวนการสอบสวน จำนวน 120 ปาก , สอบปากคำผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 13 ปาก , เก็บวัตถุพยานที่เป็นหลักฐานสำคัญในคดี ตรวจพิสูจน์แล้ว จำนวน 113 ชิ้นโดยเป็นหลักฐานบนที่เกิดเหตุ 16 ชิ้น, เก็บตัวอย่าง DNA บุคคล จำนวน 154 ตัวอย่าง โดย ณ เวลานี้สำนวนการสอบสวนมีความหนา 918 หน้าและเมื่อวันที่11สิงหาคม2563 คณะพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนชันสูตรพลิกศพ ที่ 3/2563โดยสรุปข้อมูลที่ได้ทำการสืบสวนสอบสวนแล้วยืนยันว่า น้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปบนจุดพบศพบนภูเหล็กไฟได้ด้วยตนเอง มีเหตุผลสรุป ดังนี้
1.เส้นทางที่ยากลำบากเกินความสามารถของน้องชมพู่ มีเนินชันมากกว่า 60 องศา ขวางกั้นในทุกเส้นทาง
2.พลังงานจากอาหารมื้อสุดท้ายที่น้องชมพู่รับประทานไปไม่เพียงพอต่อการเดินไปบนจุดพบศพ
3.ประสบการณ์ชาวบ้านยืนยันว่าเด็ก 3 ขวบ จะปีนป่ายไปถึงได้แค่ชั้นที่ 2 ของภูเหล็กไฟเท่านั้น
4.กรณีศึกษาการหลงป่า ของ นางทิน เชื้อคมตา ชาวบ้านกกตูมชาวบ้านสามารถหาได้เจอภายในคืนเดียว
5.แพทย์ผู้ชันสูตรและกุมารแพทย์ ยืนยืนว่า พัฒนาการของเด็กอายุ 3 ขวบ ไม่สามารถที่จะเดินขึ้นไปเองได้
6.สภาพศพที่เปลือยกาย ซึ่งบิดาและมารดาของน้องชมพู่ยืนยันว่าน้องชมพู่ไม่สามารถถอดเสื้อเองได้
7.พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ที่ตรวจพบเส้นผมน้องชมพู่ถูกตัดด้วยมีด เชื่อได้ว่าเป็นการกระทำของบุคคลอื่น
8.นิสัยส่วนตัวของน้องชมพู่ กลัวที่สูง และกลัวป่า ที่ผ่านมาของน้องชมพู่ไม่เคยไปในป่าหลังบ้านเลยสักครั้ง
จึงเชื่อว่ามีผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้พาน้องชมพู่ไป และทำให้น้องถึงแก่ความตาย ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมซึ่งผู้กระทำผิดนั้น จะต้องมีความผิดฐาน พรากเด็กและกักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และมีความผิดในข้อหา ซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย ทำลาย และอำพรางศพ อีกด้วย จากการสืบสวนสอบสวนได้ทำอย่างรอบคอบและครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว แต่ยังไม่พบพยานหลักฐานที่สามารถจะลงโทษบุคคลใด แต่จากการสืบสวนก็มีบุคคลต้องสงสัย แต่ตอนนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ และหากปรากฏพยานหลักฐานเพิ่มเติมเมื่อใด ก็สามารถดำเนินคดีกับคนร้ายต่อได้ โดยระยะเวลาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ คดีไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด คดีอุกฉกรรจ์ มีระยะเวลาการสอบสวน 1 ปี นับแต่วันร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะมีการพิจารณา งดการสอบสวน แต่การสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ ภายในระยะเวลาอายุความตามกฎหมาย 20 ปี
ทางด้าน ผบ.ตร. ระบุว่า ดีเอ็นเอที่ตรวจไม่เหมือนกับคดีอื่นๆ โดยมีการเก็บเส้นผมจากที่เกิดเหตุ โดยตรวจไม่พบรากผม ทำให้ตรวจได้เฉพาะดีเอ็นเอสายมารดาอย่างเดียว ตามปกติตรวจนิวเคลียสดีเอ็นเอ จะใช้ในการยืนยันตัวบุคคลได้ แต่ต้องมีรากผม มีเซลล์ที่รากผม แต่ผมที่ได้ไม่มีราก ครั้งนี้จึงเป็นการตรวจอีกแบบ เป็นการตรวจไมโตคอนเดรียดีเอ็นเอ เป็นการทดสอบอีกแบบ หมายความว่า ถ้ามีไมโตคอนเดรียดีเอ็นเอ ตรงกับผู้ใด ไม่ได้หมายความว่า เป็นคนร้าย แต่อยู่ในเครือญาติ กับคนร้าย
ทั้งนี้ ลุงพล ได้เปิดใจ ไม่อยากกังวลใจอะไรมาก ในการแถลงท่านไม่ได้เปิดโอกาสให้เราถามอะไรมาก แค่อยากถามสั้นๆ เท่านั้น ว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอ ตรงกับผู้หญิงฝ่ายแม่เท่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับลุงอยู่แล้ว โดย ผบ.ตร. บอกแล้วว่า ใครเป็นผู้ต้องสงสัย ดังนั้น ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งหมด สบายใจเพราะดีเอ็นเอเป็นฝ่ายผู้หญิง
ส่วนทางด้าน ป้าแต๋น ก็เผยว่า ตนไม่ได้กังวลใจ เเม้ผลตรวจดีเอ็นเอของตำรวจออกมา จะตรงกับดีเอ็นเอฝ่ายแม่ ซึ่ง ตนเองมีการสัมผัสตัวน้องชมพู่ก่อนหน้า ไม่ใช่วันที่ 11 พ.ค. และยืนยันไม่ได้ขึ้นเขาเหล็กไฟไปด้วย ที่สำคัญในวันที่ 14 พ.ค. เป็นวันที่พบร่างน้องชมพู่นั้น เครือญาติไม่มีใครขึ้นเขาเหล็กไฟเลย