- 16 ต.ค. 2563
ภัยเงียบของปลาทูน่า เมนูอาหารยอดนิยม เสี่ยงถึงตาบอดได้
เป็นที่รู้กันว่าเนื้อปลาเป็นแหล่งของโปรตีนที่ดี เนื่องจากย่อยง่ายและมีคุณค่าทางสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็นปลาน้ำจืดหรือปลาทะเลก็ล้วนมีประโยชน์กับเราทั้งสิ้น รวมไปถึงปลาทูน่าที่ให้รสชาติอร่อย สามารถประกอบอาหารได้หลากหลายชนิดทั้งทูน่ากระป๋องและทูน่าสด แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าปลาทูน่าที่ชอบกินจะปลอดภัยและไม่ทำลายสุขภาพของคุณ ลองมาทำความรู้จักกับปลาทูน่าให้มากขึ้นหน่อยดีไหม?
ธรรมชาติของปลาทูน่า
ปลาทูน่าหรือปลาโอ เป็นปลาทะเลชนิดหนึ่ง เนื้อมีสีชมพูหรือสีแดงสดซึ่งแตกต่างจากเนื้อปลาทั่วไปที่จะมีสีขาว ส่วนใหญ่มักนำมาทำเป็นปลากระป๋องหรือนำมาปรุงสดเป็นเมนูต่าง ๆ โดยทั่วไปมักชอบอาศัยกันอยู่เป็นฝูงในทะเลหรือมหาสมุทรที่ห่างจากชายฝั่ง ปลาชนิดนี้จะมีรูปร่างเพรียว ที่ครีบหางเว้าลึก มันสามารถว่ายน้ำได้รวดเร็วมาก สำหรับสายพันธุ์ที่คนชอบนำมาทำอาหารได้แก่ ทูน่าตาโต ทูน่าครีบเหลือง ทูน่าสีน้ำเงิน และทูน่าครีบยาว
ปลาทูน่ามีปัญหากับสุขภาพของคนเราได้อย่างไร
โดยทั่วไปปลาทูน่าไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์แต่ที่มีปัญหาก็คือโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยโลหะหนักลงสู่สิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็น แคดเมียม โครเมียม ปรอท หรือตะกั่ว ซึ่งโลหะหนักเหล่านี้เป็นพิษต่อร่างกายเรา สุดท้ายมันก็แพร่กระจายสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น แม่น้ำ ลำคลอง หนองบึง ทะเล และมหาสมุทร
เมื่อทูน่าอยู่ในทะเลมันจึงได้รับโลหะหนักเหล่านี้แบบเต็ม ๆ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าปลาทูน่าเป็นอาหารที่มีสารเคมีประเภทปรอทอยู่มาก โดยเฉพาะ ปลาทูน่าตาโตและบริเวณส่วนเนื้อแดงของปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ส่วนปลาทูน่าที่พบโลหะหนักน้อยที่สุดก็คือปลาทูน่าครีบเหลืองและส่วนที่เป็นมันของปลาทูน่าครีบน้ำเงิน แต่ทั้งนี้มันก็มีโลหะหนักเกินกว่าความปลอดภัยที่คนเราควรจะได้รับทั้งสิ้น
จะเป็นอย่างไรเมื่อคนเรากินปลาทูน่าที่มีโลหะหนักเข้าไป
เมื่อเรารับประทานปลาทูน่าที่มีปรอทเข้าไปบ่อย ๆ ในตอนแรกมันจะไม่แสดงอาการอะไรออกมา แต่เมื่อนานวันเข้ามันจะสะสมจนส่งผลเสียต่อร่างกายและแสดงอาการออกมาได้แก่
– มีภาวะกล้ามเนื้อสั่น สมองพิการ และตาบอด
– มีอาการหูตึงสูญเสียการประสานงานของกล้ามเนื้อ อาจมีหลอดเลือดแข็ง และเป็นอัมพาต ถ้าเป็นมากอาจเสียชีวิต
– ในสตรีมีครรภ์อาจทำให้เด็กในท้องเจริญเติบโตแบบมีปัญหาด้านสติปัญญาและมีอาการแขนขาอ่อนแรง
– หากเป็นกรณีโลหะหนักอย่างตะกั่วอาการที่พบทั่วไปคือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง น้ำหนักลด มีอาการทรงตัวไม่อยู่ และประสาทหลอน
นอกจากนี้ทูน่าที่เก็บไว้ในอุณหภูมิสูงกว่า60 องศาเซลเซียสเนื้อปลาจะเกิดสารพิษชนิดหนึ่งที่เรียกว่า สารพิษคอมโบรท็อกซิน หรือ อิสตามีน ซึ่งอาจทำให้เราแพ้ เกิดผื่นคัน ท้องอืด และคลื่นไส้อาเจียนได้ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือสารพิษชนิดนี้จะไม่เปลี่ยนรสชาติเมื่อเรารับประทานเข้าไป แม้จะทำให้สุกสารพิษก็ไม่หายไป
จะทานปลาทูน่ายังไงให้ปลอดภัย
หากจำเป็นต้องรับประทานปลาทูน่าควรเลือกเป็นปลาทูน่าในน้ำแร่จะดีกว่าปลาทูน่าในน้ำมัน เพราะน้ำมันจะเป็นตัวที่ละลายไขมันปลาที่มีโอเมก้า 3 ออกมา เวลารับประทานก็เทส่วนที่เป็นน้ำมันทิ้ง ที่สำคัญอย่ารับประทานปลาทูน่าที่เก็บไว้ในอุณหภูมิเกิน 60 องศาเซลเซียส เพราะจะยิ่งเกิดอันตรายต่อร่างกายมากขึ้นไปอีก
เนื้อปลาต่างก็มีประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่ควรทานปลาอะไรที่ซ้ำ ๆ กันบ่อยเกินไป โดยเฉพาะปลาทะเลอย่างทูน่า เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและครอบครัว
Lazada จัดโปร จัดหนักลดทุกรายการ ลดสูงสุด 90%
Cr.ความรู้รอบตัว