อดีตเเมสเซนเจอร์ ขอกู้ศักดิ์ศรีเดินหน้าฟ้องกลับ สุดช้ำกลายเป็นเเพะ ถูกตร.บุกยัดข้อหาถึงบ้าน ขายที่นาต่อสู้เพื่อลูกเเละอิสรภาพ

รายการ "ถามสุดซอย" ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.20 - 23.15 น. ทางช่องเนชั่น ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย "เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส" โดยรายการเมื่อวันที่ 2พ.ย.63 นั้นได้เปิดใจสัมภาษณ์ "พิชิตพงษ์ วินทะไชย" ผู้เสียหายที่ถูกตร. บุกรวบตัวและแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน แต่เจ้าตัวยืนยันบริสุทธิ์ จนศาลตัดสินยกฟ้อง ต้องต่อสู้นานร่วม 2 ปี ขอกู้ศักดิ์ศรี และชื่อเสียง เดินหน้าฟ้องกลับ (มีคลิปท้ายข่าว)

ก่อนโดนจับ ตอนนั้นทำอาชีพอะไร?

พิชิตพงษ์ : "เป็นแมสเซนเจอร์วิ่งเอกสารธนาคารครับ วันที่โดนจับมีเจ้าหน้าที่ตร.มา 5 คนที่บ้านพัก เขาบอกว่ามีรูปถ่าย ผมเข้าไปลักทรัพย์ บอกว่าจะไปซื้อบ้านเขาแล้วขโมยกระเป๋าเขาออกมา ในนั้นมีทอง 5 บาท และเพชร เงินสด รวมเกือบ 2 แสน"

เอาหลักฐานอะไรมาจับ?

พิชิตพงษ์ : "กล้องวงจรปิดทางหัวโค้งหน้าบ้านเขา ซึ่งเป็นทางที่ผมจะวิ่งไปธนาคาร เป็นถนนสาธารณะ เราขี่ผ่านถนน แต่บ้านเขาอยู่ในซอย"

หลักฐานนั้นเป็นเวลาเดียวกับทรัพย์สินเขาหายเหรอ?

พิชิตพงษ์ : "ที่ตรวจสอบแล้วกล้องไม่ตรงกับเวลาที่เกิดเหตุ เวลาที่เขากล่าวหาผม ผมยังอยู่ในธนาคาร ตอนแรกตร.บอกของเขาหาย 14.30 น. ทีนี้ตร.มาบอกใหม่ 14.45 แล้วบอกอีกที 14.50 คือเลื่อนไปเรื่อย เหมือนเขาอาจเอาให้แมตซ์กับที่ป้าเขากล่าวหา ให้ตรงกับ 15.07 น. ซึ่งตอนนั้นผมอยู่ธนาคาร บอกตร.ว่าแค่วิ่งผ่าน"

รู้จักบ้านคู่กรณีที่อ้างว่าเราขโมยมั้ย?

พิชิตพงษ์ : "ไม่รู้จักเลยครับ เจ้าของบ้านเป็นผู้หญิง"

ทำไมตร.เชื่อว่าเราเป็นคนทำ?

พิชิตพงษ์ : "ผมไม่แน่ใจ เหมือนเขาเอารูปไปให้ป้าชี้ แล้วมีรูปผมคนเดียว ผมถามว่าพี่มีตั้งหลายคนขี่ผ่าน ทำไมไม่ไปสืบหรือหาหลักฐานพวกนี้ เขาบอกก็ป้าชี้คุณ เพราะตร.เอารูปไปให้ป้าชี้ มีญาติผมเข้าไปสองคนในห้องชี้ตัว เขาชี้ตัวผิดครั้งแรก ไปชี้คนอื่น ตอนแรกผมอยู่เบอร์สี่ มีเสื้อดำ 2 คน มีผมกับตร. แล้วที่เหลือเป็นตร.หมด แล้วมาชี้ที่ผม ตอนแรกอยู่เบอร์ 4 สักพักผลักผมมาอยู่เบอร์ 3 เหมือนชี้เป้า ก่อนชี้ตัวเอาภาพให้ดูก่อนแล้ว"

ออกมาได้เพราะการประกันตัว?

พิชิตพงษ์ : "ขอยื่นประกันตัวในชั้นตร. เขาบอกตอนแรกให้หาเงินมา 2 แสนถึงได้ประกันตัว ถ้าพูดไม่ดีก็ไม่ให้ประกันตัว สุดท้ายได้รับการประกันตัวในคืนนั้น ก็เป็นเงินที่เพื่อนๆ รวบรวมกันมา"

หลังจากได้รับการประกันแล้ว ไปยังไงต่อ?

พิชิตพงษ์ : "ไปหาพยานหลักฐาน และหาเงินจ้างทนายสู้คดี"

หาเงินจากไหนว่าจ้างทนาย?

พิชิตพงษ์ : "ก็เป็นพวกบัตรเครดิตและขายที่ด้วย กำลังใจคือลูกที่อยู่ในท้องแม่ (ร้องไห้) เขาจะอยู่ยังไง ผมก็เลยต้องสู้ (ร้องไห้) ตอนนั้นทำเองเลย มีแค่พี่สาวให้คำแนะนำ โทรถามพวกทนายว่าต้องทำยังไงต่อ"

หาหลักฐานยากลำบากมั้ย?

พิชิตพงษ์ : "ยากมาก กว่าจะไปขอกล้องวงจรปิดจากธนาคารมาได้ ตร.กว่าจะทำให้ได้ เกือบ 2 เดือน ผมเดินไปหาธนาคาร บอกว่าผมถูกกล่าวหาว่าลักทรัพย์ ขอภาพกล้องวงจรปิดได้มั้ยในเวลานั้นเวลานี้ เขาก็ให้ แต่บางธนาคารเขาให้ทำหนังสือจากตร.ไปขอ แต่บางบ้านเขาให้ผมไปนั่งดูและเอาแผ่นไปเซฟ เป็นกล้องซีซีทีวีตามถนน ไปนั่งดูที่เขตตีสองตีสาม"
 

เจ้านายหรือเพื่อนๆ เขาปฏิบัติกับเรายังไง?

พิชิตพงษ์ : "เขาก็ดีนะครับ ให้ผมทำงานอยู่ แต่ในสายตาก็มองว่าเราไปทำหรือเปล่า ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อว่าเราไม่ได้ทำ"

เกิดเหตุปี 61 ศาลเพิ่งตัดสินปีนี้ ใช้ชีวิตลำบาก?

พิชิตพงษ์ : "ลำบาก เหมือนขาอยู่ในคุกข้างนึง เพราะกว่าศาลจะตัดสินก็หลายปี บางทีผมไปทำงาน เข้าแบงก์คนก็มองว่าทำหรือเปล่า คนข้างบ้านก็บอกว่าไม่ผิดทำไมต้องเสียเงินแสนสองแสนประกันตัว"

คุณป้ากับลูกโดนด้วยข้อหาอะไร?

รัชพล: "สนับสนุนครับเพราะตร.ให้คุณชี้คุณก็ไปชี้ตามเขาเข้าข่ายสนับสนุนให้พนักงานทำความผิดและไปเบิกความเท็จในศาลซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด7ปี"

ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วเราจำไม่ได้ควรบอกว่าจำไม่ได้?

รัชพล: "ถูกต้องครับนี่คือประเด็นจำไม่ได้ต้องบอกว่าจำไม่ได้ไม่ใช่ไปชี้ตัวผู้กระทำความผิดไม่งั้นคุณจะมีความผิด"

เป็นความตั้งใจคุณพิชิตพงษ์ที่อยากฟ้องกลับ?

พิชิตพงษ์: "ครับอยากให้เจ้าหน้าที่ลงมาเยียวยาและดูคดีนี้ด้วยว่าเจ้าหน้าที่ทำถูกต้องหรือไม่บางคนก็ยังไม่รู้ว่าคดีจบหรือยัง"

ทำเพื่อให้เห็นชัดเจนว่าเราบริสุทธิ์?

พิชิตพงษ์: "ครับตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วที่ผมอยากได้คือความยุติธรรม"

แบบนี้เคยมีชนะคดีมั้ย?

รัชพล: "มันก็มีนะครับคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ตัดสินว่าอัยการผิดก็มีเขาก็ดูที่พยานหลักฐานแหละว่าชัดหรือเปล่าถ้ามีพยานหลักฐานชัดเจนใครทำอะไรก็ต้องรับโทษอยู่แล้วกรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมตามสนองมันไม่ใช่ไม่รอบคอบชัดเจนเลยว่านี่คือยัดข้อหาทำไมคุณไม่ตรวจลายนิ้วมือเพราะการตรวจลายนิ้้วมือเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญถ้าเจอลายนิ้วมือคนอื่นก็ชัดเจนว่าคนอื่นทำไม่ใช่คุณชิดพงษ์แต่ทำไมไม่ตรวจในคดีของกลางก็ไม่มีแสดงต่อศาลตกลงมีการขโมยกันจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้เลยถ้าจับได้แล้วมีการยึดของกลางคุณก็ต้องเอาของกลางไปแสดงต่อศาลแต่นี่ไม่มีเลย"

คิดไว้มั้ยจะฟ้องเท่าไหร่?

พิชิตพงษ์: "ยังไม่ได้คิดครับจะปรึกษาทนายดูก่อน"

รัชพล: "ตอนนี้วางไว้5ล้านเพราะอิสรภาพของคนถ้าติดคุกเท่าไหร่คนนึงถ้าต้องไปอยู่ในคุกก็ไม่ควรเพราะไม่ได้ทำผิดตั้งธงไว้ก่อนส่วนศาลจะให้เท่าไหร่ก็อยู่ที่ศาล"

นอกจากอิสรภาพมีเรื่องการเสื่อมเสียชื่อเสียงภาพลักษณ์เครดิตต่อสังคมต้องตีเป็นมูลค่า?

รัชพล: "ใช่ครับทั้งหมดตีเป็นมูลค่าไป5ล้านก็อยู่ที่ดุลยพินิจศาล"

ตอนนี้อยากได้อะไร?

พิชิตพงษ์: "เงินเยียวยาด้วยเพราะถ้าผมติดจริงผมติดคุก7ปีอยากให้เขาได้รับโทษด้วยการที่เขาทำแบบนี้ทั้งกระบวนการตร.และคุณป้าอยากให้เขาได้รับโทษบ้างเพราะตอนเขาชี้ตัวผมตั้งแต่แรกๆเขาไม่ปราณีผมเลยขอคุยก็ไม่ได้คุยผมก็อยากให้ท่านโดนแบบผมบ้างถ้าติดคุกไปใครจะดูแลครอบครัวผม"

ถ้ามีโอกาสคุยกับคุณป้าอยากบอกอะไร?

พิชิตพงษ์: "อยากบอกป้าว่าถ้าไม่แน่ใจในพยานหลักฐานอย่าทำแบบนี้ชีวิตคนมันไม่ใช่แค่ผมคนเดียวลูกเมียผมจะอยู่ยังไง(ร้องไห้)ภาระหนี้สินผมรถบ้านใครจะเป็นคนส่ง"

ถ้าเป็นเจ้าทุกข์แต่ไม่แน่ใจว่าใครทำให้เกิดความเสียหายแนะนำยังไง

รัชพล: "ถ้าไม่แน่ใจแล้วไปกล่าวหาคนอื่นมันจะมีคนเดือดร้อนด้วยสำนึกของเราเองถ้าไม่แน่ใจก็บอกว่าไม่แน่ใจดีกว่า"

https://www.facebook.com/Thamsudsoi/videos/737955220262618/?v=737955220262618

ขอบคุณ

ถามสุดซอย