- 15 พ.ย. 2563
ราชทัณฑ์ แจงกรณีคุณภาพอาหารภายในเรือนจำ
วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน 2563 เวลา ๑๕.00 นาฬิกา นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดี กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณี มีสื่อมวลชนได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ ผู้ร่วมชุมนุมแนวร่วมเยาวชนปลดแอก ที่เคยถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ได้กล่าวถึงการประกอบอาหารสำหรับผู้ต้องขังรับประทานภายในเรือนจำ/ทัณฑสถานไม่ได้มาตรฐาน และขาดคุณภาพ นั้น
กรมราชทัณฑ์ ขอชี้แจงว่า ในปัจจุบันกรมราชทัณฑ์ ได้มีแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดอาหารให้กับผู้ต้องขังอย่างเคร่งครัด ทั้งในด้านการจัดซื้อ การตรวจรับ การจัดรายการอาหารตามหลักโภชนาการ และการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลอาหาร รวมถึงการประสานงานหน่วยงานภายนอกเพื่อเข้าตรวจสอบ พร้อมทั้งกำชับดูแลและควบคุมอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าวัตถุดิบของอาหารทุกชนิด ต้องอยู่ในสภาพที่ดี มีมาตรฐาน สะอาด และสดใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน นอกจากนั้น ยังมีการจัดทำรายการอาหารประจำวันให้ผู้ต้องขังได้รับทราบ ซึ่งการจัดอาหารดังกล่าวเป็นไปตามความเหมาะสมตามสภาพของพื้นที่ และวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยต้องให้มีคุณค่าทางโภชนาการตามที่กำหนดไว้ หรือ กรณีผู้ต้องขังป่วย ก็มีการจัดอาหารแยกจากผู้ต้องขังทั่วไป รวมถึงผู้ต้องขังไปศาลต้องมีการจัดแยกให้อย่างเหมาะสม
ส่วนอาหารผู้ต้องขังมุสลิมก็ต้องแยกภาชนะในการปรุงอาหารอย่างชัดเจน สำหรับการประกอบอาหาร ได้มีการกวดขันตรวจสุขภาพร่างกายของผู้ต้องขังที่ปฏิบัติหน้าที่ประกอบอาหารให้มีความสะอาด เช่น การตัดเล็บให้สั้น การตัดผม สวมเสื้อผ้า และหมวกที่สะอาดในระหว่างประกอบอาหาร อีกทั้งประสานงานกับสาธารณสุขจังหวัด เพื่อเข้าตรวจสุขภาพร่างกายของผู้ต้องขังเป็นประจำ ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้เน้นย้ำดูแลความสะอาดของสถานที่ อุปกรณ์ในการปรุงอาหาร และการเตรียมอาหาร รวมถึงภาชนะสำหรับใส่อาหารที่ได้มาตรฐานให้ใกล้เคียงกับภายนอก ตลอดจนการจัดการเศษอาหารสดและอาหารที่รับประทานแล้ว ให้นำออกนอกเรือนจำทุกวันเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อโรคต่างๆ
นายอายุตม์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้กรมราชทัณฑ์จะได้รับการจัดสรรงบประมาณเป็นค่าเครื่องบริโภคสำหรับผู้ต้องขัง ซึ่งประกอบไปด้วย ค่าเชื้อเพลิง ค่าข้าวสารและค่าอาหารดิบ เป็นจำนวนเงินเพียง ๕๔ บาท/คน/๑ วัน (๓ มื้อ) แต่กรมราชทัณฑ์ยังคงยึดมั่นปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการข้างต้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ต้องขังที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามหลักโภชนาการมากที่สุด และพร้อมที่จะดำเนินการแก้ไขปรับปรุง และพัฒนาให้ได้มาตรฐานต่อไป