- 10 ธ.ค. 2563
เสี่ยโป้ กร้าวไม่ขอโทรหา บินฑ์ เดี๋ยวหาว่าร้อนตัว หลังถูกสวนกลับเจ็บปมเสื้อชมพู ทำตัวไม่ใช่ลูกผู้ชาย
กรณีที่ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 9ธ.ค.63 เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมเรียกรับเงินบริจาคของ บุคคลที่มีชื่อเสียงรายหนึ่ง นั่นก็คือ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่อ้างโครงการจัดทำเสื้อสีชมพูของ รพ.ศิริราช เรียกรับเงินบริจาคจาก "เสี่ยโป้" จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ
จากนั้นไม่นานในวันเดียวกันทาง บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ก็ได้ออกมาไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊คตัวเอง ชี้แจงอย่างละเอียดชัดเจน ไล่เรียงทุกขั้นตอน ในเเต่ละวัน หลังจากที่รองต่อ หรือ สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับสันติบาล ที่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนให้ทำการสืบสวนปมดารามีชื่อเสียงคนหนึ่งที่ได้เรียกรับเงินบริจาคโดยระบุว่าเป็นโครงการจัดทำเสื้อสีชมพูของโรงพยาบาลศิริราชเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบนั้น
พร้อมกล่าวว่า อยากให้เรื่องนี้ เสี่ยโป้ อานนท์ ออกมาชี้แจงด้วยเช่นกัน ซึ่ง บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ก็สวนกลับนายสันธนะว่า เป็นผู้ใหญ่หรือเปล่า ทำแบบนี้เพื่ออะไร ตนไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้เขา ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน เรื่องไม่เป็นเรื่องเลยแท้ ๆ ตนทำงานช่วยเหลือสังคมมาตลอด 30 ปีไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อย อาจจะฟ้องกลับทางนายสันธนะได้ ซึ่ง บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เล่าให้ฟังตั้งแต่แรกว่า เสี่ยโป้โทรมาหาตนตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย.63 เขาบอกว่า อยากให้เงินตน 20 ล้านบาท เพื่อไว้ช่วยเหลือคนอื่น ตนก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยโอนเงินช่วยน้ำท่วม 1 ล้านบาท หลังจากนั้นก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องเงิน 20 ล้านบาทกันอีกเลย
กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่ผลิตเสื้อสีชมพู มาติดต่อตนว่าอยากบริจาคเสื้อสีชมพูให้ตน 1 หมื่นตัว แล้วเขาก็ถามตนว่ามีใครพอจะช่วยทำบุญบ้างหรือไม่ เสื้อตัวละ 100 บาท มีอยู่ 300,000 ตัว รายได้ทั้งหมดจะมอบให้กับทาง รพ.ศิริราช ตนก็ยังจำได้ว่า เสี่ยโป้ เคยสัญญาจะให้เงินตน 20 ล้านบาท ก็เลยโทรหาเขา เขาตอบกลับทันทีว่า ยินดี ไม่มีปัญหา
ด้านฝั่งของ เสี่ยโป้ อานนท์ หลังจากไลฟ์สดผ่านเพจตัวเอง เปิดใจเรื่องเสื้อชมพู ก็เปิดเผยอีกว่า บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ มาขอให้ตนช่วยซื้อเสื้อในโครงการจัดทำเสื้อสีชมพู รพ.ศิริราช จำนวน 2 ล้านบาท จากนั้นตนได้รับปากไปว่าจะช่วยจำนวน 10 ล้านบาท แต่ขณะนั้นตนยังไม่มีเงินสดในประเทศไทย จึงตัดสินไปยืมท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนกับนายสันธนะ ให้ยืมเพียง 2 ล้านบาท ตนจึงบอกกับ บิณฑ์ ว่าจะช่วยซื้อเสื้อสีชมพู จำนวน 2 ล้านบาท
จากนั้นก่อนถึงกำหนดวันโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของบิณฑ์ คนที่ตนไปยืมเงินโทรศัพท์มาบอกว่า ให้ตนโทรศัพท์ไปหานายสันธนะ เนื่องจากมีเรื่องจะพูดคุยด้วย เมื่อตนโทรศัพท์ไปหา พร้อมถามว่ามีอะไร นายสันธนะ จึงถามตนว่า "จะนำเงินไปทำอะไร" ตนจึงตอบกลับไปว่า "จะนำเงินไปบริจาคช่วยบิณฑ์" นายสันธนะ จึงถามต่อว่า โปร่งใสหรือไม่ ทำไมไม่โอนเงินเข้าบัญชีโครงการ ทำไมถึงโอนเข้าบัญชีส่วนตัว ตนจึงบอกเพียงว่า "พวกเดียวกัน แนวความคิดเดียวกัน และเคยบริจาคเงินกับบิณฑ์มาก่อน จึงไว้ใจ และไม่คิดอะไร" แต่สุดท้ายเจ้าของเงินก็ปฏิเสธไม่ให้ตนยืมเงินเพื่อนำมาบริจาคช่วยบิณฑ์ เนื่องจากนายสันธนะ มองว่าอาจจะไม่โปร่งใส
ส่วนกรณีที่ พี่บิณฑ์ มองตนเปลี่ยนไปจากที่เคยชื่นชม แต่ตอนนี้บอกว่าตนทำตัวไม่ใช่ลูกผู้ชาย ก็เป็นมุมมองของแต่ละคน ตนยืนยันข้อเท็จจริง พร้อมฝากบอกไปถึงพี่บิณฑ์ว่าตนไม่เคยหวังไม่ดี และถ้าอยากทราบรายละเอียด ก็ให้บิณฑ์ โทรศัพท์มาพูดคุยกับตนได้ แต่ถ้าจะให้ตนโทรศัพท์ไปหาก่อน คงไม่ทำ เพราะเดี๋ยวหาว่าตนร้อนตัว นอกจากนี้ เสี่ยโป้ ยังบอกอีกว่า ตนต้องการที่จะช่วยบริจาคเงินซื้อเสื้อสีชมพู จำนวน 2 ล้านบาทจริง ๆ เป็นความตั้งใจที่อยากจะบริจาคช่วย อีกทั้งบิณฑ์ เคยพูดบอกตนว่า "นัดไว้ อย่าเสียคำพูด จะเสียคน"
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไรในตัวบิณฑ์ เพราะตนตั้งใจช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ ส่วนเรื่องที่เงินบริจาคจะกลายเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวของใคร หรือใครจะเอาไปทำอะไรนั้น ก็แล้วแต่ ให้เป็นเรื่องของบาปกรรมที่จะต้องได้รับเอง เพราะตนตั้งใจทำบุญด้วยความบริสุทธิ์ใจ หลังจากนี้ ตนก็จะทำบุญเอง โดยไม่ได้ทำบุญผ่านคนกลางคนไหน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำเดิม
ขอบคุณ
ทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ทีวี