- 07 ม.ค. 2564
จ่อเชือด วอร์มอัพ เซ่นโควิดระบาด เพิกถอนใบอนุญาต-สั่งปิด
วันนี้ (7/1/2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปแล้ว 8 คน ซึ่งหากไล่เรียงดูตามไทม์ไลน์พบว่าจุดแพร่เชื้อ คือ สถานบันเทิงชื่อดังกลางเมืองเชียงใหม่อย่าง”วอร์มอัพคาเฟ่“ตั้งอยู่บน ถ.นิมมานเหมินทร์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่โดยพบว่าผู้ติดเชื้อรายที่ 50 ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหญิงสาววัย 25 ปีชาวเชียงใหม่ ที่เข้าไปเที่ยวในคืนวันเคาท์ดาวน์ปีใหม่ ที่ทางร้านจัดงานขึ้นและได้นั่งโต๊ะตำแหน่งหมายเลข A 22 ในโซนผับ ลักษณะโซนดังกล่าวเป็นห้องกระจกปิดทึบมีทั้งหมด 65 โต๊ะ สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 300 คน สำหรับสาววัย 25 ปี เข้าไปใช้บริการตั้งแต่เวลา 20.00 น.-02.00 น. ก่อนจะกลับเข้ามาใช้บริการอีกครั้งในเวลา 21.50 น. ของวันที่ 1 ม.ค. 64 โดยนั่งโซนหน้าบ้านโต๊ะ N5 โดยลักษณะโซนนี้เป็นโซนที่เปิดโล่ง
ทั้งนี้ หากย้อนไปดูข้อมูลผ่านทาง เพจWarmupcafe Chiangmai ในคืนวันเคาท์ดาวน์วันที่31 ธ.ค. 63จะภาพปรากฎเห็นว่ามีนักท่องราตรีมาปาร์ตี้กันอย่างเมามันจนเรียกว่าแน่นร้าน จนเกินจำนวนที่ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่กำหนด โดยทางร้านได้โพสต์ภาพเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 64 เวลา 1.52 น. ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชี้ชัดว่ามีการเปิดเกินเวลาและมีจำนวนผู้มาใช้บริการจำนวนมาก แม้ว่าทางร้านจะมีการลบโพสต์ไปในภายหลัง แต่ประชาชนสามารถถ่ายภาพหน้าจอเก็บเอาไว้ได้
นอกจากนี้้พนักงานเสิร์ฟของร้านวอร์มอัพคาเฟ่ เป็นชายวัย 28 ปีชาวไทใหญ่ ได้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นรายที่ 51 ของจังหวัดเชียงใหม่และตามที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รายงานว่า ผู้ติดเชื้อรายที่ 52 และผู้ติดเชื้อรายที่ 53 ก็ติดเชื้อมาจากสถานที่เดียวกัน ล่าสุด ในวันที่ 7 มกราคม 2564 ได้รายงานอีกว่าพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 4 คน ไทม์ไลน์เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงในจังหวัดเชียงใหม่
แหล่งข่าวระดับสูงของจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าขณะนี้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บหลักฐาน เตรียมดำเนินคดีกับร้านวอร์มอัพคาเฟ่ ใน 2 ข้อหาหลักคือ 1.ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ให้สถานบริการปิดเวลา 24.00 น. ในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 สำหรับวันอื่นให้เป็นไปตามเวลาปกติของแต่ละกิจการตามที่กฎหมายกำหนดโดยโทษหากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 หรือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
2.ฝ่าฝืนคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 ข้อที่ 4 ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการสถานบริการหรือสถานประกอบการใดที่เปิดให้บริการ ในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ กระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ 1.ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์เข้าไปใช้บริการ 2.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ 3.เปิดทําการเกินกว่าเวลาตามที่มีกฎหมายบัญญัต 4.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่ากําหนดเวลาตามที่มีกฎหมายบัญญัติ 5.ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดเข้าไป ในสถานที่ของตน
โดยถ้าหากพบว่ามีความผิด จะมีการสั่งการให้ผู้มีอํานาจ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีอํานาจเพิกถอนใบอนุญาต หรือสั่งปิดและห้ามมิให้มีการเปิดสถานบริการ หรือสถานประกอบการในสถานที่ดังกล่าวอีกเป็นเวลาห้าปี และหากอยู่ในระหว่างการขอต่ออายุใบอนุญาต ก็ให้สั่งมิให้ต่ออายุใบอนุญาต และมิให้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้นั้นเป็นเวลา 5 ปี
แหล่งข่าวรายนี้ ยังกล่าวต่อว่า การดำเนินคดีในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเข้าจัดการแบบเด็ดขาด หลังพบว่ามีการฝ่าฝืนอย่างชัดเจน โดยจะเรียกผู้ประกอบการเข้าพูดคุยรับทราบข้อกล่าวหา และดำเนินคดี โดยไม่สนว่าจะเป็นร้านดัง เพราะเมื่อกระทำผิดกฎหมายแล้ว ต้องรับโทษตามกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้นเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน นอกจากนี้ไม่ได้มีแค่ร้านวอร์มอัพคาเฟ่ ร้านอื่นๆที่ปรากฏไทม์ไลน์ ของผู้ป่วยรายที่ 50 จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด ไม่มีข้อยกเว้น