- 15 ม.ค. 2564
ครม.เตรียมเคาะหลักเกณฑ์เยียวยาโควิด 7พัน กลุ่มไหนได้รับบ้าง
วันที่ 15 มกราคม 2564 มีรายงาน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมทางไกล ผ่านระบบ Video Conference กับโรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก ร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ถึงเรื่องเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 3,500 บาท ระยะ 2 เดือน จะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง
โดยเมื่อวานนี้ (14ม.ค. 64) ได้มีการหารือกันส่วนจะให้กลุ่มพื้นที่ใดบ้างต้องรอการสรุปอีกครั้งซึ่งจะชัดเจนในสัปดาห์หน้าเช่นกัน และยังไม่ทราบกรณีที่มีนักวิชาการบางส่วนออกมาระบุว่าเงินเยียวยา 2 เดือนน้อยไป เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลานานกว่าเดิม แต่อยากให้ดูรายงานความคืบหน้าการแพร่ระบาดทั้งหมด ขึ้นอยู่กับคนไทยช่วยกัน ถ้าไม่ช่วยกันอย่างไรก็ระบาดนาน
สำหรับเหตุผลที่เยียวยาระยะเวลา 2 เดือนนั้น เนื่องจากมีการรายงานของ ศบค. ว่าท่าทีและแนวโน้มสามารถควบคุมได้ดีขึ้น รวมทั้งมีบุคลากรทางการแพทย์ของไทยมีศักยภาพ ดังนั้น อยากย้ำขอให้ทุกคนช่วยกันปฎิบัติตามอย่างเข้มงวด และจะผ่านวันนี้ (15ม.ค.) ไปได้ รัฐบาลยังคงเดินหน้าปฎิบัติเชิงรุกและรักษาผู้ป่วยให้หายโดยเร็ว
ส่วนการวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวัคซีนโควิด-19 เข้าไทยปีนี้ ว่า เป็นการเตรียมตัวปฎิบัติการเชิงรุก เพื่อดึงดูดนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ในการเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ในประเทศ ซึ่งขณะนี้ไทยยังอยู่กับอุตสาหกรรมเดิมๆ และเชื่อว่าไทยมีศักยภาพเพียงพอ แต่ต้องปรับเรื่องกฎระเบียบ ขอเพียงคนไทยช่วยกันรักษาวินัยต่างๆ หากผ่าน 2 เดือนนี้ไปได้ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าไทยมีความสามารถการแก้ปัญหาที่ดีกว่าเดิม เนื่องจากมีประสบการณ์และการเรียนรู้จากการแพร่ระบาดในครั้งก่อน
สำหรับความความพร้อมเพื่อรับมือแพร่ระบาดในระลอกต่อไปหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่คิดว่าจะระบาดอีก เช่นเดียวกับการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ จะมีการเสนอให้มีโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 และ 4 มองว่าการแก้ปัญหาแบบนี้ มีความไม่แน่นอนสูง การออกมาตรการต่างๆ ต้องศึกษาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องติดตามอย่างต่อเนื่องที่ไม่ใช่ในมุมมองเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูด้านอื่นประกอบกันพร้อมถามกลับว่า "ทำไมไม่แข่งกับตัวเอง วันนี้รัฐบาลแข่งแล้ว ใครควรอยู่ที่ไหนและทำหน้าที่อะไร"
ส่วนด้านธุรกิจการท่องเที่ยวได้มีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา ทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมไปถึงสินเชื่อสภาพคล่องต่างๆ กว่า 1.5 แสนล้านบาท พร้อมมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้อย่างหว่านแห ทุกอย่างอยู่ในกติกาเพราะเงินธนาคาร คือ เงินของประชาชน และยอมรับว่าเมื่อมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นจริง ก็ใช้มาตราการเหล่านี้ และเชื่อว่าหากเดินตามแผนอีก 1-2 เดือน จะสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างแน่นอน
สุดท้ายได้ย้ำว่าด้านการปราบปรามการกระทำผิดนั้น รัฐบาลทำอย่างเข้มงวด ขอทุกคนร่วมกันประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางรับเรื่องราวร้องทุกข์ หรือแจ้งเบาะแส 1111 เพราะไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง