- 22 ม.ค. 2564
ราชกิจจาฯประกาศ การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งที่ 1
เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 มาตรา 20 (4) และมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
1. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับ
1) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ- ขอนแก่น
2) โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา- คลองสิบเก้า- แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จ านวน 3 แห่ง
และ 3) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา- ชุมทางถนนจิระ
วงเงินรวม 5,000,000,000 บาท (ห้าพันล้านบาทถ้วน) โดยวิธีการท าสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan)กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
2. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 จนถึงวันที่ 23 เมษายน 2565 โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันทำการ
3. อายุเงินกู้ 4 ปี นับตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ครบกำหนดในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567
4. อัตราดอกเบี้ย
4.1 อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกส่วนต่างร้อยละ 0.30000 (ศูนย์จุดสามศูนย์ศูนย์ศูนย์ศูนย์) ต่อปี
4.2 อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ 6 เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
4.3 การปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด 6 เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ณ วันเบิกเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา 6 เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่าหนึ่งปีมี 365 วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ 23 พฤษภาคม 2564 และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567
5. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือวันที่ 23 พฤษภาคม และ 23 พฤศจิกายน ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อค านวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระต้นเงินกู้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้
6. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป
7. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ
ประกาศ ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖3
จำเริญ โพธิยอด รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ขอบคุณ ราชกิจจานุเบกษา
>>Lazada มอบดีลช๊อปสุดพิเศษ สนใจคลิก<<