- 15 มี.ค. 2564
หนุ่มน้อยวัย 14 ต้องกลายเป็นหัวเรือหลักหาเลี้ยงครอบครัว หลังพ่อแม่ล้มป่วย บางครั้งชีวิตแย่ถึงขั้นข้าวสักเม็ดก็ไม่มีกิน
เป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Poramet Misomphop หรือ เมศ เจ้าชายน้อย หนุ่มจิตอาสาใจบุญ ได้เผยเรื่องราวชีวิตของน้องบีม หนุ่มน้อยวัย 14 ที่ต้องกลายเป็นหัวเรือหลักของครอบครัว ออกไปรับจ้างกวาดขยะ ลากฟาง กวาดขุยมะพร้าว เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เนื่องจากพ่อมีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง มีงานบ้างไม่มีบ้าง ทำให้มีรายได้ไม่ประจำ อีกทั้งผู้เป็นแม่ก็ล้มป่วยหลายโรค ทำให้ไม่สามารถออกไปทำงานรับจ้างได้ บางครั้งชีวิตแย่ถึงขั้นข้าวสักเม็ดก็ไม่มีกิน เงินสักบาทก็ยังไม่มีติดกระเป๋า ซึ่งทางผู้โพสต์ได้มีการระบุข้อความดังนี้
"ร่างกาย หัวใจ ที่ต้องอดทน ตอนไม่มีกิน ข้าวสักเม็ดก็ไม่มีกิน เงินสักบาทก็ไม่มีติดกระเป๋า จะกินอะไรก็ไม่ได้กิน ผมทำไมต้องเป็นแบบนี้...ผมเห็นเค้าลำบาก ผมก็อยากให้เค้าสบาย อายุ 14 คุณกำลังทำอะไร ?เด็กบางคนอาจจะเรียน อาจจะเที่ยวเล่น เดินห้างหาความสุขใส่ตัว ในวัยเด็กที่มีพ่อแม่คอยดูแลอยู่ไม่ห่างกาย ห่างย้อนกลับไปในวัยเด็ก น้องบีม หรือ ( ไอ้ดำ ) ชื่อที่เพื่อนๆเรียก เกิดขึ้นมาด้วยครอบครัวพ่อกับแม่แยกทางกัน โดยเมื่อตอนอายุได้ 2 ขวบ น้องบีมได้เดินคลาน ตกไปที่หลุมไฟที่กำลังเผาถ่าน เปลวไฟได้ลุกไหม้ที่ขาซ้าย ทำให้น้องบีมต้องกลับกลายเป็นพิการที่ขาตั้งแต่นั้นมา
ปัจจุบันน้องบีมเด็กวัยเพียง 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม. 2ที่ โรงเรียนแห่งหนึ่ง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี พักอยู่ภายในห้องเช่าร้างเพียงตัวคนเดียวภายในห้องที่แทบไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลย มีเพียงฟูกที่นอนเก่าๆ หมอน ผ้าห่ม พัดลมเก่าๆ 1 ตัว โดยมีคุณพ่อและภรรยาใหม่ ( น้องบีมเรียกว่า แม่) อยู่ห้องข้างๆ โดยที่คุณพ่อมีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง มีงานบ้างไม่มีบ้าง แม่ ( ภรรยาใหม่ ) ได้ล้มป่วยหนักหลายโรค ทำให้ไม่สามารถออกไปทำงานรับจ้างได้
น้องบีม เด็กวัยเพียง 14 ปี ต้องกลับกลายเป็นหัวเรือหลักของครอบครัว ออกไปรับจ้างกวาดขยะ ลากฟาง กวาดขุยมะพร้าว แม้แต่ออกไปเก็บผักตามข้างถนน จับเขียด เพื่อปั้นจักรยานเก่าๆ นำไปขายได้เงินมา ก็นำมาให้แม่พ่อเอาไว้ซื้อข้าว ซื้อยา แต่ยามไหนที่ไม่มีงานจ้าง วันนั้นทั้ง 3 ชีวิตต้องอดข้าว น้องบีมยังนั่งพูดทั้งน้ำตาอีกว่า ตอนไม่มีกินข้าวสักเม็ดก็ไม่มี ตังสักบาทก็ไม่มีติดกระเป๋า จะกินอะไรก็ไม่ได้กินครับ ผมก็คิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ผมรักพ่อกับแม่ผมครับ เห็นหน้าพ่อกับแม่ ผมก็มีกำลังใจทำงาน ผมเห็นเค้าลำบาก ผมอยากให้เค้าสบาย ผมต้องเรียนให้จบ ต้องให้เค้าสบาย..ครับ
แม้ใครจะมองพ่อผมเป็นยังไง ผมก็รักเค้า ถึงเค้าจะไม่ใช้แม่แท้ๆของผม แต่เค้าก็เลี้ยงผมมา เค้ามีบุญคุณกับผมมาก ถึงผมเหนื่อยแค่ไหน ผมไม่มีวันที่จะทิ้งเค้า..ซึ่งระหว่างที่เมศไป วันนั้นข้าวสารในห้องแทบจะไม่มีกินเลย เงินก็แทบไม่มีติดกระเป๋า เบื้องต้นเมศได้นำข้าวสาร อาหารแห้งให้กับทางน้องบีม และได้ให้เงินส่วนตัวจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือน้องบีม และครอบครัวเบื้องต้น
หากเพื่อนๆพี่ๆต้องการช่วยเหลือน้องบีมและครอบครัว สามารถโอนเงินช่วยเหลือได้ที่บัญชีน้องบีมโดยตรง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธกส) ชื่อบัญชี ด.ช. สุรชัย กำเนิด เลขที่บัญชี 020-185-447-278 เลขบัญชีนี้เป็นของน้องบีมโดยตรง โดยมีทางครูประจำชั้น และ ผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นผู้ถือบัญชีคอยดูแลเรื่องการเบิกถอน
นี่ล่ะครับชีวิตจริงของเด็กชายอายุ เพียง 14 ปี ที่ต้องตัดขาดทิ้งวัยที่กำลังสนุกสนาน ร่าเริง ต้องมานั่งอด 2-3 มื้อ เพื่อนั่งกิน 1 มื้อ รับจ้างทำงานทุกอย่าง เพื่อดูแลพ่อและแม่ใหม่ที่ป่วยหนัก แม้ร่างกายและจิตใจจะเหนื่อยแค่ไหน เค้าก็สู้ สู้เพื่อครอบครัว โดยที่ไม่มีคำว่ายอมแพ้เลยสักนิด ส่วนตัวเมศขอชื่นชม ร่างกาย และหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ พร้อมที่จะสู้จริงๆ
ขอขอบคุณทางคุณครูประจำชั้น คุณครูทุกท่าน และ ผอ.โรงเรียน ที่ช่วยกันดูแลน้องบีม คอยช่วยเหลือเบื้องต้นครับ (เบื้องต้น เพื่อความปลอดภัยในตัวเด็ก และเนื่องจากน้องบีมพักอาศัยอยู่ในห้องเช่าร้าง เมศจึงไม่สามารถบอกที่อยู่ของน้องได้โดยตรง หากเพื่อนๆพี่ๆ ท่านใดมีความประสงค์ที่จะช่วยเหลือน้อง สามารถโอนเงินเข้าบัญชีของน้องบีมได้โดยตรงครับ)
ขอบคุณ FB : Poramet Misomphop
ขอบคุณข้อมูลจาก ThaiNews