รวบแล้ว ไอ้โอ๋ สารภาพสิ้น หนีได้เพราะตำรวจเผลอ

วันที่ 17 มีค. 64 กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบ.ช.ก.,พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.มีชัย  กำเนิดพรม, พ.ต.อ.มนตรี  เทศขัน,พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์  บุบผาสวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์  เลารุจิราลัย รองผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.๓ บก.ป., พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์, พ.ต.ท.สุริยศักดิ์  จิราวัสน์, พ.ต.ท.พงศกรตันอารีย์, พ.ต.ท.สุรเชษฐ์  เดชะพันธ์ รอง ผกก.๓ บก.ป.

วันที่ 17 มีค. 64 กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบ.ช.ก.,พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.มีชัย  กำเนิดพรม, พ.ต.อ.มนตรี  เทศขัน,พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์  บุบผาสวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์  เลารุจิราลัย รองผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.๓ บก.ป., พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์, พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์, พ.ต.ท.พงศกรตันอารีย์, พ.ต.ท.สุรเชษฐ์  เดชะพันธ์ รอง ผกก.๓ บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3.บก.ป. ร่วมกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ภ.4.ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4.พ.ต.อ.คงฤทธิ์ คงสิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภ.4.พ.ต.อ.กิตติพงษ์ จิตรคาม ผกก.สส.3.ฯ, พ.ต.ท.ชาติชาย ทิมินกุล รอง ผกก.สืบสวน 3.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.4.กองกำกับการสืบสวนสอบสวน ภ.จว.ขอนแก่น ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.ปรม พฤทธิกุล ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น, พ.ต.ท.จิตติพร  แสนพันดร รอง ผกก.สส.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่นสถานีตำรวจภูธรหนองเรือ ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.ภพกร กวินโยธิน ผกก.สภ.หนองเรือ, พ.ต.ท.สงค์ สุขแม่ทวี รอง ผกก.สส.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเรือ

 

รวบแล้ว ไอ้โอ๋ สารภาพสิ้น หนีได้เพราะตำรวจเผลอ

ร่วมกันจับกุม นายอัจฉริยะ หรือ โอ๋  (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมเเพ ที่ จ.22/2564 ลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2564 โดยกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นไม่สามารถขัดขืนได้” และหมายจับศาลจังหวัดชุมเเพ ที่ จ.21/2564 ลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2564 โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์” จับกุม ได้ที่ กระท่อมนาด้านทิศใต้สำนักปฏิบัติธรรม หมู่ที่ 8 ต.บ้านเม็ง อ.หนองรี จ.ขอนแก่น
 
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2564 นางสมยาฯ (ผู้เสียหายพิการขาขาด) อายุ 79 ปี ซึ่งบวชและปฏิบัติธรรมอยู่ในสำนักปฏิบัติธรรม ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.หนองเรือ ว่าได้ถูกคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น ตัดผมสั้น รูปร่างผอม ลักษณะคล้ายกับชายที่มาทำสวนปลูกพืชห่างจากสำนักปฏิบัติธรรมไปประมาณ 300 เมตร บุกเข้ามาภายในห้องพักในสำนักปฏิบัติธรรม  และข่มขืนผู้เสียหาย ก่อนจะขับขี่รถยนต์หลบหนีไป 

 

รวบแล้ว ไอ้โอ๋ สารภาพสิ้น หนีได้เพราะตำรวจเผลอ

ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการสืบสวนจนสามารถจับกุม นายอัจฉริยะฯ (ผู้ต้องหา) ขณะนั่งอยู่ภายในรถยนต์ ซึ่งห่างจากสำนักปฏิบัติธรรมไปประมาณ 1 กิโลเมตร และจากการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องหาพบว่ามีสารเสพติดอยู่ในน้ำปัสสาวะ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามายัง สภ.หนองเรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกตัวผู้ต้องหาออกมาจากห้องควบคุม ผู้ต้องหาได้วิ่งหลบหนีการควบคุมขณะถูกสวมใส่กุญแจมืออยู่ โดยวิ่งไปลักรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน ที่จอดอยู่บริเวณริมถนน ก่อนจะขับหลบหนีไปทาง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ ต่อมาทางพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว 
 
ทาง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.4, กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น และ สภ.หนองเรือ โดยได้เน้นย้ำให้เร่งดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากพฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้ต้องหาเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใด และผู้ต้องหายังหลบหนีไปขณะอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
 
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่กระท่อมนาด้านทิศใต้สำนักปฏิบัติธรรม หมู่ที่ 8 ต.บ้านเม็ง อ.หนองรี จ.ขอนแก่น จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบผู้ต้องหาจึงได้เข้าจับกุมและนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองเรือ ดำเนินคดีตาม กฎหมายต่อไป จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า  เมื่อประมาณปี 2553 หลังจากที่ตนเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตนได้มาเรียนต่อที่โรงเรียนกีฬา จ.นครปฐม แต่เรียนไม่จบ จึงได้มาประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ตนได้เดินทางมาทำงานรับจ้าง ทำไร่กระชาย และไร่พริก ในพื้นที่ติดกับสำนักปฏิบัติธรรม  โดยทำงานมาได้ประมาณ 6 เดือน และในวันเกิดเหตุตนเมาสุราและเสพยาบ้า จึงได้ก่อเหตุดังกล่าว
 
จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า
 1.ปี 2560 ผู้ต้องหาถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “ครอบครองและเสพยาเสพติดฯ” ถูกควบคุมความพฤติ 48 วัน
 2. ปี 2562 ผู้ต้องหาถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “เสพยาเสพติดฯ” ถูกควบคุมความประพฤติ 42 วัน
 3. ปี 256ผู้ต้องหาถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “จำหน่ายและเสพยาเสพติดฯ” ศาลสั่งจำคุก 1 ปี ที่เรือนจำกลางนครปฐม

 

รวบแล้ว ไอ้โอ๋ สารภาพสิ้น หนีได้เพราะตำรวจเผลอ >>Lazada มอบดีลช้อปสุดพิเศษ สนใจคลิก<<