- 26 มิ.ย. 2564
โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ประกาศไม่ทิ้งใคร ยินดีรับผู้ป่วยทุกราย พร้อมทั้งรับตรวจโควิด-19 ให้กับประชาชนตามเดิมเพื่อผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน หลังเข้าร่วมประชุมหารือกันกว่า 2 ชั่วโมงจนได้ข้อสรุป สร้างเสียงชื่นชมให้กับคนในสังคมเป็นอย่างมาก
โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์โพสต์ภาพและข้อความระบุว่าทางโรงพยาบาลสนามเปิดรับผู้ป่วยทุกรายเข้ารักษาตามเดิม และไม่ปิดการรับตรวจโควิดให้กับประชาชนทั่วไป ยืนยันไม่ทิ้งใครไว้ด้านหลัง โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้ที่หลายๆโรงพยาบาลไม่มีเตียงสำรองหรือไม่มี รพ.สนาม ที่ว่างพอจะรับผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นในจำนวนสูงมากแต่ละวัน
โดยทางโรงพยาบาลสนามธรรมศาสต์โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุข้อความดังนี้ วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2564 วันที่เจ็ดสิบหกของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ และวันที่สิบเก้าของศูนย์วัคซีนธรรมศาสตร์รังสิต วันนี้เริ่มต้นมาไม่ดีอีกวันหนึ่ง เพราะผู้ป่วยทั่วประเทศยังมีมากกว่า 3,600 คน และมีผู้เสียชีวิต 44 คน อีกทั้งผลการตรวจ Swab ผู้มีความเสี่ยงที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ในการคัดกรองผู้ที่สงสัยว่าจะติดเชื้อ จำนวน 105 ราย พบผลบวกมากถึง 25 คน ในเช้าวันนี้ ซึ่งก็แปลว่าเราต้องรับเอาทั้ง 25 รายนี้ เข้ามานอนรักษาตัวใน รพ. โดยเร็วภายในวันนี้ ทั้งที่มีเตียงว่างน้อยกว่าจำนวนผู้ป่วยใหม่เยอะทีเดียว ก็คงต้องพึ่งบริการ Refer ผู้ป่วยเดิมออกไปที่ รพ.สนาม อีกนั่นแหละ สถานการณ์นี้สะท้อนภาพของประเทศด้วย โดยเฉพาะใน รพ. ส่วนใหญ่ที่ไม่มีเตียงสำรองหรือไม่มี รพ.สนาม ที่ว่างพอจะรับผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นในจำนวนสูงมากแต่ละวัน และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ รพ.ขนาดใหญ่หลายแห่งประกาศหยุดรับการตรวจ Swab และไม่รับผู้ป่วยใหม่เคส โควิด-19 อีกเลยในสองสามวันที่ผ่านมา
คำถามคือ แล้วผู้ป่วยใหม่หลายพันคนต่อวันที่ตรวจพบในวันนี้ และที่จะตรวจพบในวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ วันละอีกหลายพันคนจะส่งไปที่ไหน หรือว่าพวกเราจะต้องหยุดตรวจ Swab กันทั้งหมด เพื่อที่จะได้ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก
โจทย์นี้เป็นคำถามที่พวกเราที่ธรรมศาสตร์จะต้องตอบในวันนี้และตอบในสถานการณ์ที่คับขันของระบบสาธารณสุข และบอกกล่าวกับเพื่อนร่วมรบใน รพ.ต่างๆ ที่รอฟังเราอยู่ ในฐานะที่เราเป็นโรงพยาบาลหลักในโซนกรุงเทพเหนือและภาคกลางตอนล่าง ที่มีเตียงรับผู้ป่วยโควิดมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ กับมีโรงพยาบาลสนาม ที่รองรับผู้ป่วยได้ถึง 470 เตียง และมีศูนย์รับวัคซีนขนาด 2,000 คน/วัน ให้บริการอยู่ และเป็นโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ที่มีความพร้อมสูงมากในแง่จำนวนเตียงที่จะรองรับผู้ป่วยวิกฤตและกึ่งวิกฤติได้ พวกเรามีทางไม่มากนักให้เลือกเดิน และในวันนี้ดูเหมือนจะมีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้น
ทางที่ (one) ลดบทบาทและจำนวนเตียงใน รพ.สนามลง นำบุคลากรส่วนใหญ่กลับมาดูแลผู้ป่วยวิกฤติหรือกึ่งวิกฤติโดยเพิ่มเตียงโควิดอีกจำนวนหนึ่งใน รพ.หลัก และปิดรั้ว รพ.สนาม ให้เป็นเตียงสำรองสำหรับเฉพาะผู้ป่วยที่มา swab แล้วพบผลบวกที่ รพ.ธรรมศาสตร์ เท่านั้น เพื่อจะรักษาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยให้ได้มาตรฐาน จำกัดจำนวนผู้ป่วย โดยงดรับ Refer ผู้ป่วยอื่นจากภายนอกเข้า รพ.สนาม อย่างที่พวกเราเริ่มดำเนินการมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว เพื่อไปสู่การปิด รพ.สนาม ลงและไปเพิ่มเตียงอีกหนึ่งวอร์ดโควิดใน รพ.หลัก แทน
ทางที่ (two) เมื่อเรายังมีเตียงสำหรับเคสเขียวที่ว่างอยู่อีกกว่า 300 เตียงใน รพ.สนาม และในเมื่อเพื่อนร่วมรบของเราในสมรภูมิโควิดต่างไม่มีศักยภาพในเรื่องเตียงรองรับผู้ป่วยใหม่อีกแล้ว กับได้ร้องขอความช่วยเหลือจากเรา พวกเราควรจะเพิ่มจำนวนบุคลากรที่ รพ.สนาม ขยายการรับผู้ป่วยใหม่สำหรับ รพ. อื่นที่จำเป็น เพื่อยืดระยะเวลาและศักยภาพในการรับผู้ป่วยโควิดของโซนนี้ออกไปให้ได้อีก 3 - 4 วัน หรือสัปดาห์หนึ่ง ก่อนที่ 470 เตียงของเราจะเต็มไปด้วยกันกับที่อื่นๆ หรือไม่
เลือกทางแรกก็ดูมีความชอบธรรม ที่จะไม่เพิ่มภาระที่หนักมากอยู่แล้วของพวกเราไปมากกว่านี้ และรักษาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยในจำนวนที่จำกัด และมีจำนวนเพิ่มขึ้นในระดับที่ควบคุมได้ทุกวันในรั้ว รพ. ของเราเอง และจำกัดจำนวนการ Swab ให้ไม่เกินวันละ 100 เคส ตามปกติ เพื่อจะได้มีผู้ป่วยใหม่ในระดับไม่เกิน 20 คนต่อวัน ซึ่งอยู่ในวิสัยที่เราจะช่วยเหลือดูแลสังคมได้ตามกำลังบุคลากรและศักยภาพของพวกเรา
เลือกทางที่สอง พวกเราก็รู้ว่าสถานการณ์จะไม่ดีขึ้นในเวลาอันสั้น และผู้ป่วยใหม่จะยังคงเป็น 3 - 4,000 คนต่อวันไปอีกระยะหนึ่ง ถ้าเรายอมรับให้ Refer ผู้ป่วยโควิดจาก รพ.ต่างๆ ได้ ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ เตียง รพ.สนาม 470 เตียงก็จะล้น เตียง 77 เตียงใน รพ.หลัก ก็คงเต็ม ภาระงานของพวกเราก็จะหนักเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่เหนื่อยล้ามากว่าสองเดือนแล้ว อีกทั้งความช่วยเหลือจากพวกเราที่ธรรมศาสตร์ ก็คงเป็นได้แต่เพียงการช่วยประวิงเวลาของการหยุดรับผู้ป่วยโควิดเข้า รพ.ต่างๆ ให้ช้าออกไปได้อีกสักสัปดาห์เดียวเท่านั้น แล้วในที่สุด โรงพยาบาลทั้งสองแห่งของเราก็จะมีผู้ป่วยโควิดล้น รพ. เหมือนกับ รพ.อื่นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พวกเราใช้เวลานานเกือบสองชั่วโมง ในการปรึกษาหารือกันในประเด็นต่างๆ เหล่านี้โดยเฉพาะในเมื่อเราต้องเปิดให้บริการศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์ ที่ใช้กำลังคนมากมายไปพร้อมๆ กันด้วย เราพูดกันนานเรื่องภาระงานมหาศาลที่เพิ่มขึ้นแต่ละวันตามจำนวนผู้ป่วย พูดเรื่องความยุ่งยากซับซ้อนในการช่วยเหลือชีวิตคนไข้หนักใน ICU โควิด พูดกันเรื่องการตรวจ Swab ทุกวันไม่มีวันหยุดที่เพิ่มจำนวนผู้ป่วยเข้ามาใน รพ. ตลอด พูดกันเรื่องบุคลากร ที่นอกจากไม่พอเพียงแล้วยังทำงานหนักติดต่อกันมานานเกือบสามเดือนแล้วโดยไม่มีโอกาสได้หยุดในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง พูดกันถึงการติดเชื้อจากผู้ป่วยที่อาจจะต้องทำให้ปิดวอร์ดทั้งวอร์ด พูดกันเรื่องการกักเก็บตัวบุคลากรที่เสี่ยงสูงที่สัมผัสผู้ป่วยฉุกเฉินที่มาทราบภายหลังว่าเป็น+ พูดกันเรื่องภาระงานที่ศูนย์รับวัคซีนที่วางแผนล่วงหน้ายากลำบากเพราะไม่เคยมีการยืนยันยอดวัคซีนมาล่วงหน้า พูดกันเรื่องระบบการจองวัคซีนที่ให้แต่ละโรงพยาบาลรับจองแต่ไม่เคยบอกว่าวันไหนจะได้รับวัคซีน เมื่อไหร่และจำนวนเท่าใด พูดกันในปัญหาที่เราขาดแพทย์ประจำบ้านอายุรกรรมที่จะอยู่เวรดูแลผู้ป่วยโควิดในแต่ละวอร์ด พูดเรื่องทรัพยากรที่มีจำกัดและไม่มีการสนับสนุนจากภาครัฐ และพูดอีกสารพัดเรื่อง ที่ชวนท้อแท้และทำให้ไม่มีกำลังใจ
แล้วพวกเราก็ตัดสินใจ
พวกเราที่ธรรมศาสตร์ได้ตัดสินใจร่วมกันในเย็นวันนี้ว่า ธรรมศาสตร์จะยังคงเป็นที่พึ่งของสังคมและผู้คนต่อไป โดยเราจะไม่หยุดและไม่ลดการรับตรวจโควิด เราจะยังคง Swab ต่อเนื่องทุกวัน เพื่อตรวจยืนยันให้กับผู้คนที่มีความทุกข์จากการสัมผัสผู้ป่วย และถ้าผลออกมาเป็น (+) เราก็จะรับเข้าดูแลรักษาใน รพ.ธรรมศาสตร์ แม้อาจจะต้องใช้เวลารอเตียงบ้าง แต่เราก็จะรับเข้าดูแลรักษาทุกราย
ธรรมศาสตร์จะยุติแผนการปิดโรงพยาบาลสนามที่วางไว้เดิม และจะกลับมาเปิด รพ.สนามธรรมศาสตร์ 470 เตียง (bed) อย่างเต็มศักยภาพเท่าที่เราจะมีได้อีกรอบหนึ่ง และจะเสริมกำลังบุคลากร (doctor) (nurse) เข้าไปที่ รพ.สนาม อีก เพื่อให้สามารถช่วยเหลือโรงพยาบาลอื่นได้ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน เป็นต้นไป เพื่อให้เตียงทั้งหมดของเราสามารถช่วยลดความแออัดของเตียงใน รพ.หลักอื่นๆ เพื่อให้ รพ.อื่นๆ สามารถรับผู้ป่วยโควิดต่อไปอีกได้ และเราจะรับผู้ป่วยโควิดเข้ามา จนกระทั่งเตียงทั้งหมด 470 เตียงใน รพ.สนาม ของเราจะเต็มไปพร้อมๆ กันกับใน รพ.ธรรมศาสตร์ และใน รพ.หลักอื่นๆ หรือจนกระทั่งผู้ป่วยจะลดลงบ้าง หรือจนกระทั่งเราจะไม่สามารถ operate รพ.สนาม และรับผู้ป่วยได้อีกต่อไป เราคิดว่าระบบสาธารณสุขของประเทศจะต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน และสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ เพื่อประวิงเวลาการสู้รบในสงครามนี้ไปให้ได้อีกสักหนึ่งสัปดาห์ บนความเหนื่อยยากและบนภาระที่หนักหนามหาศาลที่ธรรมศาสตร์จะแบกรับไว้ในหนึ่งสัปดาห์ต่อไปนี้ (peace sign)