ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ดราม่าอีก นักท่องเที่ยวครวญเดินทางแค่นี้ แต่โดนค่าแท็กซี่เป็นพัน

หลังจากที่เปิดงาน ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมาก็ดูท่าว่าจะมีดราม่าตามมาเรื่อยๆ ทั้งการที่นายกรัฐมนตรีตั้งโต๊ะรับประทานอาหารริมหาดทั้งๆ ที่วิกฤตโควิดยังระอุ ทั้งเรื่องของการแปลความหมายของคำว่า ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ คือ ปราสาททราย ทั้งเรื่องของการเลี่ยงการตอบคำถามนักข่าวจนทำให้ #ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โซเชียลถล่ม คณะนายกฯ เปิดงาน ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พักผ่อนริมทะเลไม่สวมแมสก์
- ทำความเข้าใจความหมายแท้จริง แซนด์บ็อกซ์

 

ล่าสุดเกิดดราม่าขึ้นมาอย่างเผ็ดร้อนอีกครั้ง หลังจากเปิดโครงการไม่ทันไรก็มีปัญหาร้องเรียนมาซะงั้น อีกทั้งยังเป็นปัญหาเดิมๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศมักเจอประจำ เวลาที่มาท่องเที่ยวประเทศไทย นั่นคือ การคิดค่าโดยสารเกินราคา หรือการขายสินค้าเกินราคา ซึ่งเรื่องนี้กลับมาแดงอีกครั้ง เมื่อมีนักท่องเที่ยวรายหนึ่งโพสต์ถามในกลุ่มท่องเที่ยวว่า 

"มีเรื่องด่วนที่จะถาม โรงแรมที่ฉันพักมีการคิดค่าโดยสารจากสนามบินภูเก็ตถึงป่าตอง 900 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เคยมาจำได้ว่ามันไม่ได้แพงขนาดนี้" อีกทั้วขณะเดียวกันก็เห็นบางคนต้องจ่ายค่าโดยสาร 700 บาทเพื่อมาโรงแรม ดังนั้นจึงอยากรู้ว่า ถ้าหากเราเลือกที่จะเดินทางมาโรงแรมเอง โดยที่โรงแรมไม่ต้องจัดให้ จะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

จากนั้นไม่นาน ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรายอื่นๆ เข้ามาตอบถึงอัตราค่าโดยสารที่ตัวเองเจอตั้งแต่ก่อนที่จะมีโควิด พบว่า อยู่ในระดับ 800 - 2,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นค่าโดยสารในอัตราที่สูงมาก หากเปรียบเทียบกับค่าครองชีพในประเทศไทย ทั้งนี้ มีบางคนโพสต์ว่า หลังจากที่ปิดประเทศไปนาน พอมีการเปิดการท่องเที่ยวแบบนี้ อาจจะทำให้มีการชาร์จราคาแพงกว่าก่อนช่วงโควิด

 

นั่นเป็นเหตุทำให้นายณัฐธกรณ์ เรืองโรจน์ อุปนายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพภูเก็ต ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "นับเป็นปัญหาคลาสสิกของการท่องเที่ยวไทย แต่ก็อยากให้ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวเบา ๆ หน่อย เพราะนักท่องเที่ยวชุดแรกคือ พระเอกนางเอกที่จะโฆษณาการท่องเที่ยวภูเก็ต แบบที่เราไม่ต้องเสียเงิน อย่าเสียชื่อเสียงด้วยเรื่องเดิมๆ อีกเลย"

 

อย่างไรก็ตาม บางคนก็คอมเม้นต์ในกึ่งเสนอว่า จังหวัดควรมารวมตัวคุยกันได้แล้ว เพื่อกำหนดราคามาตรฐานของแท็กซี่ที่เหมาะสมกับจังหวัด เพราะถ้าหากยังเป็นแบบนี้ ไม่ดีกับประเทศแน่ๆ ทั้งที่มีประสบการณ์กับการไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วว่ามันแย่แค่ไหน ทำแบบนี้อนาคตใครอยากจะมาเที่ยว