- 16 ก.ค. 2564
วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีรายละเอียดว่า... เป็นที่ฮือฮาในวงการโควิดจากเรื่องวุ่นๆในสำนักบ้านริมน้ำ เมื่อมีการลือกันให้แซ่ดว่าการจัดสรรวัคซีนเข็มสามให้บุคลากรมีใบสั่ง เหมือนมีการล็อคให้วัคซีนของไฟเซอร์ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับบุคลากรทั่วไป
โดยส่วนตัวแล้วไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังหรือเบื้องลึกเรื่องนี้จริงๆ แต่โดยธรรมชาติของข่าวลือในประเทศไทย มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะเป็นเรื่องจริงที่ถูกเปิดเผยก่อนเวลาอันควร เพียงแต่สิ่งที่ถูกนำมาเผยแพร่อาจเป็นแค่เศษเสี้ยวความคิดเห็นที่มีการนำเสนอในกลุ่มคนที่รับผิดชอบจริง แต่เชื่อว่าความคิดเห็นส่วนใหญ่ของประชาคมน่าจะช่วยกดดันให้ความคิดพิเรนนี้ตกไป เฉกเช่นครั้งก่อนที่มีแนวคิดพิสดารต่อการให้วัคซีนเข็มสามแก่บุคลากรจนท้ายสุดต้องยอมยกธงขาวให้ต่อกระแสเรียกร้องจากคนทำงานด่านหน้าจริงๆ หวังว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงด้วยดีไม่สร้างข้อบาดหมางระหว่างกลุ่มแพทย์ต่างวัย เหมือนที่เกิดเรื่องเช่นนี้เนืองๆ ในสังคมไทยภายนอก
วันนี้ออกเยี่ยมให้กำลังใจอีกสี่โรงพยาบาล เริ่มจากนนทบุรีก่อน ที่นี่เคยเป็นสมรภูมิเดือดเรื่อยมาตั้งแต่หลังสงกรานต์ ทีมงานพยายามทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งโควิดแต่ทำได้แค่ยันไว้ไม่ให้เสียหายเกินแก้ เรื่องราวที่แลกเปลี่ยนส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการจัดเตรียมสถานที่เดิมและสถานที่ที่จะขยายเพิ่ม ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับบุคลากรและสภาพแวดล้อม นอกจากนั้นก็เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยโควิดวิกฤตที่มีความหลากหลาย จากนั้นจึงผ่านไปเยี่ยมทีมหมอใหม่ของกระทรวงหมอที่ถูกดึงตัวมาช่วยงานที่รพ.สนามบุษราคัม ที่นี่ตอนแรกตั้งใจจะดูแลผู้ป่วยเทียบเท่าเตียงระดับที่ 1 และระดับที่ 2 อ่อนๆ ของรพ.หลักถ้าจำเป็น แต่ทำไปทำมากิจการดีขึ้นตามลำดับ จนพีคที่มีการใช้ไฮโฟลว์ร้อยกว่าเครื่อง แถมมีผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจห้าถึงหกคน ทำให้กลายร่างจากพื้นที่ส่วนหนึ่งของรพ.สนาม ไปเป็นศูนย์พักคอยส่งต่อผู้ป่วยโควิดรุนแรงถึงวิกฤตเข้ารพ.หลัก และเมื่อระบายไปรพ.หลักไม่ได้ จึงต้องเปลี่ยนร่างพื้นที่นั้นเป็นไอซียูสนามอีกทอดหนึ่ง สร้างความลำบากใจให้กับทีมแพทย์และพยาบาลผู้ดูแลอย่างมากเพราะข้อจำกัดด้านพื้นที่และอุปกรณ์สนับสนุน แต่พวกเขาก็ยืนหยัดไม่ยอมล้มเพื่อเซฟชีวิตผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด
แน่นอนผ่านมาทางนี้แล้วไม่แวะถิ่นเก่ารพ.สนามพลังแผ่นดินไม่ได้ ที่นี่มีส่วนหนึ่งทำเป็นไอซียูสนามที่มีรพ.หลักเป็นหลังพิง ทำให้ยืนหยัดดูแลผู้ป่วยโควิดวิกฤตในเขตกทม.และปริมณฑลมานานเกือบสองเดือน ช่วยลดภาระให้กับโรงพยาบาลใหญ่ในกทม.ไปได้มาก สถิติสูงสุดคือมีผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจและใช้ไฮโฟลว์อย่างละยี่สิบกว่าราย ศักยภาพที่ขยายมาได้ครึ่งหนึ่งนั้นเป็นเพราะกำลังหนุนจากทีมหมอใหม่เช่นกัน ส่วนพยาบาลนั้นได้มาจากรพ.หลักในหัวเมือง เดิมตั้งใจว่าจะแค่ทักทายคลายเครียด ที่ไหนได้ศิษย์เตรียมชาร์ตผู้ป่วยเรียงแถวขอคำปรึกษาจนเวลาหมด ไม่สามารถไปเยี่ยมชมสถานที่จัดทำรพ.พลังแผ่นดิน 2 ร่วมกับผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ผู้เป็นเจ้าของไอเดียบรรเจิดที่หาใครจะทำเป็นจริงในยุคนี้ได้ยาก
ปิดท้ายกับรพ.ปทุมธานีที่มีเสียงเรียกร้องว่าไม่ยอมมาเยี่ยมสักทีทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี้ ที่นี่มีหมอโรคปอดจบใหม่มารับงานหนักทันทีที่เริ่มงานเมื่อต้นเดือน เรียกว่าใช้งานกันคุ้มค่าที่ส่งไปฝึกฝนวิชามาเพิ่มเติมถึงสองปี แม้จำนวนแพทย์อายุรกรรมจะน้อยกว่ารพ.นนทบุรี แต่จำนวนผู้ป่วยโควิดวิกฤตต่อจำนวนแพทย์นั้นสูสีกัน ที่นี่แม้จะมีความพร้อมในทุกด้านน้อยกว่า แต่ทีมงานแพทย์และพยาบาลทั้งโรงพยาบาลก็ร่วมมือช่วยกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ได้เสนอแนะให้มีโครงการเสริมศักยภาพโรงพยาบาลหลักในระดับอำเภอเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ และให้เตรียมการพูดคุยล่วงหน้ากับผู้ป่วยและญาติ ถึงข้อเสนอทางเลือกการดูแลรักษาแบบประคับประคองชีวิตระยะท้าย ถ้าต้นทุนสุขภาพของผู้ป่วยเดิมไม่ดี และการเจ็บป่วยครั้งนี้มีผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ รุนแรงมาก
ไม่รู้ว่าหลอกให้ดีใจหรือเปล่า สองสามวันนี้ยอดผู้ป่วยวิกฤตรายใหม่ดูกระดกหัวลงทั้งที่ศิริราชและทั้งสี่โรงพยาบาลใหญ่รอบนอกที่ไปเยี่ยมมา ถ้าเป็นจริงแสดงว่ามาตรการตั้งแต่ครั้ง 28 มิ.ย. เริ่มเห็นผลบ้างแล้ว หวังว่ามาตรการเสริมเข้าไปอีกเมื่อวันที่ 12 ก.ค. จะช่วยให้ความฝันของพวกเราเป็นจริงได้บ้าง แต่ที่วันนี้พลาดไปหน่อยเพราะภาระงานข้างนอก จึงต้องหอบเอาอาหารกลางวันจากสปอนเซอร์ทางบ้านมากินตอนค่ำ มีทั้งก๋วยจั๊บยืนพื้น หมูสะเต๊ะ เต้าทึงลำไยแห้ง และมังคุด ยังอิ่มอร่อยได้อยู่ดีแม้จะผิดเวลาไปบ้าง
พอว่างเว้นจากกีฬาฟุตบอล ระหว่างตั้งหน้าตั้งตาคอยกีฬาโอลิมปิกที่หงอยเหงาเป็นพิเศษแต่เจ้าภาพก็ยังดันทุรังจัด แต่ก็มีกีฬาชนิดใหม่เข้ามาเสริม เป็นเกมใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายตรงข้ามเรื่องการจัดซื้อจัดหาวัคซีนโควิดเข้าประเทศ งานนี้ต้องมีฝ่ายหนึ่งหรือสองฝ่ายหรือหลายฝ่ายที่พูดโกหก รอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง แล้วเรามาช่วยกันทำให้พวกจมูกยืดยาวไม่มีที่ยืนในสังคมไทย เราเจ็บแล้วต้องจำพร้อมการกระทำตอบโต้ #อยู่บ้าน_หยุดเชื้อ_เพื่อชาติ #มองไปข้างหน้าฝ่าวิกฤตโควิดระลอกใหม่