"ชายนอนหายใจรวยรินข้างถนน"ไร้หน่วยงานมารับ แท็กซี่ใจเด็ดอาสาพาไปโรงพยาบาล เผยเหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำ

เวลา 20.00 น. ของวันที่ 21 ก.ค.64 ส.ต.ท.เฉลิมชัย ศิริวังโส พร้อม ส.ต.อ.ศักดิ์นรินทร์ โฆษก ผบ.หมู่ป.สน.ห้วยขวาง ได้รับแจ้งเหตุชายนอนหายใจรวยริน บริเวณหน้าร้านข้าวต้มเจ๊เล็ก-เจ๊หมวย ปากซอยประชาสงเคราะห์​ 39 แขวงและเขตดินแดง กทม. จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบ

 

 

 

ตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณฟุตปาธ พบร่างชาย อายุ 35-40 ปี นอนหายใจรวยริน ทำได้แค่กระพริบตา พูดจาและสื่อสารไม่ได้ สวมหน้ากากอนามัย ไม่สวมรองเท้า ข้างๆตัวพบกล่องข้าวและขวดน้ำเปล่า โดยทาง ส.ต.ท.เฉลิมชัย ได้พยายามประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อมารับร่างชายคนดังกล่าวส่ง รพ. แต่ไม่มีหน่วยงานใดมาได้

เวลา 21.21 น. ได้มีชายรายหนึ่งขับแท็กซี่ผ่านมาทราบชื่อ นายเก้า เป็นเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู อาสารับตัวชายคนดังกล่าวไป โดยทาง ส.ต.ท.เฉลิมชัย ได้ทำหนังสือส่งตัวจาก สน.ห้วยขวาง เพื่อนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ

นายเก้า เจ้าหน้าที่อาสาของมูลนิธิร่วมกตัญญ ได้นำชุด PPE มาสวมใส่ และทำการปิดกั้นช่องระหว่างส่วนคนขับและผู้โดยสารด้านหลัง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ก่อนนำผ้าพลาสติกมาห่อตัวชายคนดังกล่าวขึ้นส่วนที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง โดย ส.ต.ท.เฉลิมชัย และ ส.ต.อ.ศักดิ์นรินทร์ ได้ขี่รถ จยย.สายตรวจ นำรถแท็กซี่ลำเลียงผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลตำรวจ ถึงมือของทีมแพทย์ทำการรักษาทันที

สอบถามกับนายเก้า ทราบชื่อว่า นายเก้าหน้า ขำภักดิ์ อายุ 34 ปี เจ้าตัวได้เล่าว่าขณะนั้นกำลังขับรถแท็กซี่จากแยกห้วยขวางมุ่งหน้าประชาอุทิศ ได้ยินวิทยุของมูลนิธิร่วมกตัญญู ขออาสาสมัครตรวจสอบผู้ป่วยยังจุดเกิดเหตุ ตนจึงรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุพบผู้ป่วยนอนหายใจเหนื่อยหอบ ไม่สามารถพูดจาตอบคำถามได้

ชายคนดังกล่าวเป็นคนเร่ร่อน โดยไม่ได้มาขอข้าวกิน 3 วัน 3 คืนแล้ว อาศัยนอนที่ลานจอดรถภายในซอยประชาสงเคราะห์ 41 กระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีคนนำร่างของชายคนดังกล่าวมายังบริเวณจุดเกิดเหตุตั้งแต่เช้า และนอนอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งวัน

ขณะที่ตนได้กำลังหาทางช่วยเหลือ หน่วยกู้ชีพเอราวัณได้เข้ามาตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุทำการประสานโรงพยาบาลปลายทาง แต่ไม่สามารถรับรักษาผู้ป่วยได้ ตนจึงอาสานำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหนังสือส่งตัวจาก สน.ห้วยขวาง ประกอบเป็นหลักฐาน โดยทางเจ้าหน้าที่เอราวัณได้นำชุด PPE ถุงเท้าคลุม สวมแมสก์ 2 ชั้นและเฟซชิลด์ เอี๊ยมสีฟ้าคลุมอีกชั้นหนึ่งให้กับตน ส่วนผู้ป่วยจะติดโรคโควิด-19 หรือไม่ ยังไม่ทราบ แต่ถึงอย่างไรก็ตามจะต้องใช้ความระมัดระวังสูงสุด

เหตุที่พร้อมให้การช่วยเหลือผู้ป่วยรายนี้เพราะตนเองไม่อยากเห็นสภาพคนสิ้นใจอยู่ริมถนนอย่างเมื่อวานที่ผ่านมาอีกแล้ว 

ขอบคุณ เรื่องเล่าเช้านี้