- 01 ส.ค. 2564
เด้งฟ้าผ่า "ผู้กำกับ ตม.กาญจนบุรี" เหตุปล่อยเชื้อโควิดพุ่งหวั่นเป็นคลัสเตอร์ใหม่ โดยสั่งให้ พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 รักษาราชการแทน ตั้งแต่ 31 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
จากกรณีข่าวสั่งปิดตม.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 34 ราย และมีกลุ่มเสี่ยงอีก 300 รายหวั่นกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่ โดยจากข่าวมีข้อมูลระบุว่าชาวต่างด้าวที่กักตัวให้ห้องกักประมาณ 30 คนติดเชื้อโควิด หลังมีการรับชาวเมียนมา 4 คน ที่หลบหนีเข้าเมืองมาโดยไม่มีการตรวจคัดกรองโรค ตามข้อสั่งการ หัวหน้าหน่วยสูงสุดระดับของ กก.ตม.จว.กาญจนบุรี เป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดมีคำสั่ง เด้ง ผู้กำกับ ตม.กาญจนบุรี จากเหตุปล่อยให้เชื้อโควิดแพร่ระบาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วันที่ 1 สิงหาคม 2564 พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 3 เซ็นคำสั่งให้ พ.ต.อ.จักษ์ ยังให้ผล ผู้กำกับการ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยสั่งให้ พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 รักษาราชการแทน ตั้งแต่ 31 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
โดยคำสั่งดังกล่าวสืบเนื่องจากปรากฎข่าวเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดกาญจนบุรี มีข้าราชการตำรวจและบุคลากรในสังกัด รวมถึงผู้ต้องกักในความรับผิดชอบ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับอาจจะมีการปล่อยปละละเลย ขาดการควบคุม กำกับดูแลเอาใจใส่ รวมถึงช่วยเหลือ ผู้ใต้บังคับบัญชา
นอกจากนี้ภายหลังปรากฎข่าวดังกล่าวทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือ ได้เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า
กรณี ตม.กาญจนบุรี รับ 4 ต่างด้าว โดยไม่ผ่านจุดคัดกรองโรค ทำให้มีผู้ต้องกักอื่นติดเชื้อโควิด-19 นั้น สตม. ขอย้ำว่า คนต่างด้าวทั้ง 4 ราย ผ่านจุดคัดกรองโรคและมีใบรับรองผลการตรวจว่าไม่พบเชื้อ
ต่อมาพบว่ามีผู้ต้องกักติดเชื้อ จึงได้แยกตัวผู้ต้องกักที่ติดเชื้อไปยังห้องแยกจากผู้ต้องกักอื่น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และ ตม.กาญจนบุรี ได้ประสานไปยังโรงพยาบาลให้มาตรวจหาเชื้อผู้ต้องกักทั้งหมด พบว่ามีผู้ติดเชื้อ 34 ราย
ซึ่งทางสตม. ได้ตั้ง รพ.สนาม โดยนำบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์จากการจัดตั้ง รพ.สนามที่ อ.สะเดา จว.สงขลาและ รพ.สนามของ สตม. ที่โรงยิม สโมสรตำรวจ มาร่วมดำเนินการจัดตั้งเพื่อรองรับผู้ที่ติดเชื้อต่อไป
สตม. ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งในด้านการคัดกรอง การคัดแยกกลุ่มเสี่ยง การรักษาพยาบาล ฯลฯ ตลอดจนให้การดูแล ใส่ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างเคร่งครัด