หนุ่มป่วยโควิด หนีออกจาก รพ.สนาม มาทำอัตวินิบาตกรรม ที่บ้าน หลังกินอาหารไม่อร่อยแถมแอร์เย็นจนทนไม่ไหว

วันที่ 4 สิงหาคม 2564 เวลา 23.00 น.  ร้อยตำรวจเอก วิศรุต รอง สว.สอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตผูกคออยู่ภายในบ้านพักอาศัย ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 33 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานแพทย์ นิติเวชศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุพบเหตุเกิดอยู่ภายในบ้านพักอาศัยลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 2 ซอย สุขสวัสดิ์33 แขวงราษฎร์บูรณะเขต ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร มีรั้วรอบขอบชิด จากการตรวจสอบแล้วพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาชื่อ นาย ณัฐวุฒิ ต้นเตย อายุ 38 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป อยู่ในลักษณะผูกคอกับคานของบ้านหลังดังกล่าวโดยใช้ผ้าขาวม้าลายสก๊อต สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 14 ชั่วโมงสภาพศพเริ่มแข็งและส่งกลิ่นออกมาแล้ว อาสาสมัครจึงทำการสวมใส่ชุด PPE เข้าไปเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตลงมาแล้วห่อด้วยถุงนิรภัย นำส่งสถาบันนิติวิทยาศาตร์ โรงพยาบาลศิริราชเพื่อตรวจสอบถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไปตามคำร้องขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแพทย์นิติเวช 

 

 

 

ส่วนเบื้องต้นจากการสอบถาม นาง ทองดี เหลืองประสิทธิ์ อายุ 64 ปีเจ้าของบ้านบอกเล่าว่า นายณัฐวุฒิ เดิมทีเป็นคนเร่ร่อนอยู่ในละแวกแถวนี้ ตนเองก็เลยสงสารเลยให้มาอาศัยพักอยู่ด้วยกันภายในบ้าน แล้วพอมาเมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้วได้พากันไปตรวจโรคโควิด19 ที่ศูนย์อนามัย แล้วพบเชื้อโควิด และทางศูนย์อนามัยก็พาไปรักษาที่โรงพยาบาลสนามแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท แล้วไปอยู่ได้เพียงแค่ 5 วัน ก็หนีกลับมาได้ประมาณ 3 วันแล้ว ทางบ้านก็รีบไปแจ้งฝ่ายสิ่งแวดล้อมสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ ทางฝ่ายสิ่งแวดล้อมก็เลยบอกว่าให้พักรักษาตัวอยู่กับบ้านแล้วจะนำยา กับอาหารมาส่งให้ที่บ้านแต่อย่าให้ออกไปไหนให้รักษาตัวอยู่ที่บ้าน แล้วพอมาเมื่อวานนี้ตนก็ถามกับนาย ณัฐวุฒิ ว่าทำไมถึงหนีออกมา เขาก็ตอบว่าที่โรงพยาบาลสนาม อาหารไม่อร่อย มันจืด แล้วแอร์มันเย็นเขาหนาวมาก จึงทนไม่ไหวเลยหนีออกมากลับบ้าน พอมาเมื่อเช้าก็เอะใจว่าทำไมถึงไม่ออกมาจากบ้านประตูก็ล๊อกจากด้านในจึงให้คนปีนดูก็เห็นว่าผูกคอตายแล้ว ก็เลยรีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

 

ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเเพทย์นิติเวชศิริราชยังไม่ลงความเห็นว่าผู้เสียชีวิตยังมีเชื้อของโรคโควิด19 อยู่ในตัวอีกหรือเปล่า และประกอบกับการเสียชีวิตของผู้ตายนั้นยังมีข้อสงสัยอยู่หลายอย่างจึงมอบหมายให้อาสาสมัครนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลศิริราช เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนที่จะมอบให้ญาตินำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป