- 07 ส.ค. 2564
รองอธิบดีอัยการคดีปราบทุจริต เปิดโทษ ผอ.รพ.บางกรวย เรียกรับเงินใต้โต๊ะเข้ากระเป๋าตัวเอง ส่อโดนโทษสูงสุดคุกตลอดชีวิต อ้างรับเงินใช้ในรพ.ฟังไม่ขึ้น
จากกรณีที่ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) สนธิกำลังกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมกันจับกุม นายวิชัย รัตนภัณฑ์พาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางกรวย จ.นนทบุรี ขณะกำลังรับเงินของกลาง 93,000 บาท จากผู้รับเหมาระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นเงินที่เจ้าหน้าที่ใช้ทำการล่อจับ โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้รับเหมาเข้าไปมอบเงินตามที่นัดหมายกันไว้ก่อน จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ บุกเข้าจับกุมตัวที่ห้องทำงาน พร้อมหลักฐานเงินสด และหลักฐานอีกจำนวนหนึ่งนำมาตรวจสอบ
ล่าสุด วันที่ 6 ส.ค. 64 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง แสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า "การเรียกรับเงินผู้รับเหมาติดตั้งคอมฯ 35% อ้างเอามาใช้ใน รพ. สะเทือนวงการแพทย์ หมอเป็นอาชีพที่ทุกคนยกมือไหว้ ให้ความเชื่อถือให้ความเคารพ กรณีการเรียกรับเงินคดีแบบนี้ อัยการปราบปรามทุจริตเจอเป็นประจำ ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา 2 มาตรา ดังนี้
- มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต
- มาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 - 400,000 บาท
โดยการแจ้งข้อกล่าวหาจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงในการสอบสวนหรือไต่สวน การกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหา หลังจากถูกจับกุมแล้ว ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ต่อสู้คดีตามกฏหมายต่อไป ปปท. จะไต่สวนหรือสอบสวนให้ได้ความจริง โดยผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะต่อสู้คดีต่อไป
นอกจากนี้ นายโกศลวัฒน์ ชี้แจงว่าการจัดซื้อจัดจ้าง มีของแถมได้ แต่ต้องเป็นไปตามแนวทางปฎิบัติที่ถูกต้องคือบริจาคให้หน่วยงาน ห้ามรับไว้เอง เพราะโดยปกติแล้วไม่มีใครเชื่อว่าเงินที่รับไว้เองจะรับไว้เพื่อหน่วยงาน หรือในอนาคตจะมาใช้ประโยชน์กับหน่วยงาน จึงจะเรียกเงินใดๆเก็บไว้เองไม่ได้"
ขอบคุณ FB : โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง