- 09 ส.ค. 2564
รพ.เลยรีบชี้แจง หลังสะพัดว่อน ทหารนายยศสิบเอกโพสต์ฉีดไฟเซอร์ เพราะรอโมเดอร์นาไม่ไหว ทำชาวทัวร์ตั้งขบวนรอถล่ม
สืบเนื่องจากที่ชาวเน็ตได้ตั้งขบวนรอ เมื่อมีทหารนายหนึ่งยศ ส.อ. ในค่ายทหารจังหวัดเลย ได้โพต์ไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งในโพสต์นั้นได้ระบุข้อความว่า "Moderna จ๋าพี่คงรอน้องต่อไปไม่ไหว วันนี้พี่ขอนอกใจมาซบน้อง Pfizer" ซึ่งในบัตรดังกล่าวยังได้ระบุอีกว่าเป็น "สิทธิพิเศษ" ในลำดับที่ 727 วันที่ 8 สิงหาคม 2564 เวลา 11.21 น. ทำให้ชาวเน็ตถามหาข้อเท็จจริงอย่างหนัก
ล่าสุด นายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย ได้ขอชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ทหารคนดังกล่าวคือบุคลากรด่านหน้าที่ประจำที่โรงพยาบาลค่ายศรีสองรัก มณฑลทหารบกที่ 28 พร้อมทั้งยืนยันอีกว่า ทางโรงพยายบาลได้ฉีดให้บุคลากรจริงๆ ไม่มีนอกกลุ่มแน่นอน เพราะช่วงเช้าที่ผ่านมา ทุกโรงพยาบาลในเขตอำเภอเมือง บุคลากรเดินทางมาฉีดวัคซีนทั้งหมด
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย ยังได้อธิบายต่อไปอีกว่า ทหารที่ค่ายจะได้รับจัดสรรมาฉีดเพิ่มอีกแน่นอน เพราะเป็นกลุ่มด่านหน้า โดยโรงพยาบาลสนามในค่ายมี 400 เตียง ทหารมีความเสี่ยงในการดูแลผู้ป่วย ฉะนั้นก็ต้องได้รับด้วย แม้จะไม่ใช่วิชาชีพทางการแพทย์ก็ตาม
ก่อนหน้านี้ทางด้าน หมอแล็บแพนด้า หรือ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิ ก็ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตนได้โทรไปสอบถามข้อเท็จจริงจาก นายแพทย์สาธารณสุข จ.เลย แล้ว พบว่า ทหารนายคนดังกล่าว คือบุคลากรด่านหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ด่านหน้าจริงๆ ซึ่งการฉีดวัคซีนไฟเซอร์นั้น ทางสาธารณสุข จ.เลย ได้ฉีดให้กับบุคลากรจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ได้รายงานเกี่ยวกับการจัดสรร วัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดสที่ได้รับบริจาคมาจากสหรัฐอเมริกาว่า สำหรับการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดสนั้น กลุ่มแรกที่จะได้รับคือบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้า ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด 19 ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการฉีดเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จำนวน 700,000 โดส ต่อมาคือกลุ่มผู้สูงอายุ, กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์
โดยเริ่มฉีดใน 13 จังหวัดควบคุมสูงสุด และเข้มงวดจำนวน 645,000 โดส ซึ่งขณะนี้ได้กระจายวัคซีนไฟเซอร์ไปยังโรงพยาบาล 170 แห่งแล้ว ทั่วประเทศ พร้อมทั้งดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าแล้ว จำนวน 57,000 ราย เมื่อวันที่ 4 – 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งขอยืนยันว่าบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทุกคน จะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน