อ.อ๊อด จวกยับจนท.ใช้ถังน้ำมันเปล่ามาขวางม็อบ "อาจระเบิดได้" นี่หรือวิธีสากล

จากกรณีการชุมนุมเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งกลุ่มเยาวชนปลดแอกได้นัดชุมนุมกันเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา หรือที่เรียกกันว่าม็อบ 7 สิงหา โดยในตอนแรกนัดกันว่าจะรวมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและมุ่งหน้าสู่พระบรมหาราชวัง ทำให้เจ้าหน้าที่มีการเตรียมการวางตู้คอนเทนเนอร์และวางกำลังสกัดกั้น ทว่ามีการนำถังน้ำมันเปล่ามาวางขวางม็อบในจุดหนึ่งเช่นกัน ซึ่ง อ.อ๊อดออกมาเตือนว่าไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะยังเสี่ยงต่อการระเบิดได้


 

 อ.อ๊อด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวว่า

ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แม้ว่าจะเป็นถังน้ำมันเปล่า แต่อาจมีหลงเหลืออยู่ในนี้ ไม่แน่ชัดว่าบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดไหนมาก่อน

1. น้ำมันที่ไวไฟมาก มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 37.8 องศาเซลเซียส ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ,น้ำมันเบนซิน

2. น้ำมันไวไฟปานกลาง มีจุดวาบไฟตั้งแต่ 37.8 องศาเซลเซียสแต่ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบิน,น้ำมันก๊าด

3. น้ำมันไวไฟน้อย มีจุดวาบไฟตั้งแต่ 60 องศาเซลเซียสขึ้นไป ได้แก่น้ำมันดีเซล,น้ำมันเตา,น้ำมันหล่อลื่น
การกลายเป็นไอจะเข้าอยู่ภาวะของจุดวาบไฟ ซึ่งหากมีประกายไฟ ที่อาจเกิดจากกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อยู่ใกล้เชื้อเพลิงนิดหน่อย ก็เกิดการลุกไหม้ฉับพลันและหากเป็นการเผาไหม้ในที่แคบก็อาจเกิดการระเบิดได้

จากนั้นได้โพสต์อีกว่า กรณีถังเชื้อเพลิงเปล่าใช่ว่าจะปลอดภัยนะครับ ไม่ควรเอามาใช้ทุกกรณี ควรใช้ตู้คอนเทนเนอร์อย่างเดียวเหมาะสมกว่าแล้ว

และโพสต์ล่าสุดว่า มาตรฐานการคุมม็อบ ได้ดำเนินการตามหลักสากล? โดยใช้ถังน้ำมันเปล่านี่นะครับ? ไม่เห็นด้วยเลย ทำไมถึงไม่เล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นบ้างหนอ?

นอกจากนี้ยังมีเพจวิศวกรรม เพื่อประชาธิปไตย ก็ได้ออกมาเตือนในประเด็นเดียวกัน ระบุ 

รู้หรือไม่ การใช้รถบรรทุกน้ำมันในการขวางม็อบ หากเกิดความผิดพลาด สามารถสร้างรัศมีความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสถานที่ได้ถึง 1.6 กิโลเมตร

รัศมีที่ว่าครอบคลุมพื้นที่อะไรบ้างในเหตุการณ์ม็อบวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา? พูดแบบสั้นๆ พื้นที่ดังกล่าวคือ “ไข่แดง” หรือพื้นที่ ”หัวใจ” ของกรุงเทพฯ ในหลายแง่มุม เพราะครอบคลุมพื้นที่สำคัญ เช่น

1. พระบรมมหาราชวัง

2. โรงพยาบาลศิริราช

3. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

4 ศาลหลักเมือง

5. ชุมชนรอบศาลเจ้าพ่อเสือ ชุมชนถนนพระอาทิตย์

6.อาคารศาลฎีกา

ปกติ Tank car หรือรถบรรทุกถังน้ำมันออกแบบมาเพื่อบรรทุกน้ำมันดิบ(Crude Oil) แก๊สธรรมชาติ (Natural Petroleum Gas) โดยทั่วไป ถังน้ำมันเหล่านี้ จะมี โดยทั่วไป ตัวรถจะยาวประมาณ 18 เมตร กว้าง 3.3 เมตร และสูง 48 เมตร ตัวรถเปล่าสร้างจากเหล็กกล้าหนาตั้งแต่ 7/16 นิ้ว มีน้ำหนักรถ 3.6 ตัน และบรรจุน้ำมันได้ 30,000 แกลลอน โดยส่วนเติมน้ำมันจะอยู่ด้านบน และ วาล์วปล่อยน้ำมันด้านล่าง โดยทั่วไป การใช้งานรถดังกล่าวมีการควบคุมโดยกฎหมายอย่างเข้มข้นทั้งในแง่พื้นที่การใช้งาน มาตรฐานถังน้ำมัน และความเร็ว (ดูข้อกำหนดตามกฏหมายของไทยได้ในลิงค์ด้านล่าง) สาเหตุที่ต้องมีการควบคุมอย่างเข้มข้นก็เพราะอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยก็สามารถนำไปสู่ความเสียหายอันประเมินค่าไม่ได้

ตัวอย่างเช่นเหตุการณ์การระเบิดของรถไฟขนน้ำมัน Lac Mégantic, Quebec ที่ประเทศ Canada ** ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 47 คน และทำความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนของประชาชนไปถึง 30 หลัง หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทางบอร์ดบริหารความปลอดภัยด้านการขนส่งถึงกับต้องออกข้อกำหนดห้ามรถลักษณะเข้าออก sensitive area เช่นชุมชน หรือ สถานที่สำคัญ

หากเกิดปัญหาขึ้น จะต้องมีการอพยพคนที่อาศัยในรัศมีความเสียหาย เพราะนอกจากมีความเสียหายจากกระเบิดและไฟไหม้แล้ว ผลกระทบที่ตามมาของการเผาไหม้ของน้ำมัน (Hydrocarbon ) ยังทำให้เกิดความเสียหายต่อสภาพแวดล้อม เช่น การเกิดความผิดปกติของกรดด่าง pH ในพื้นดิน เกิดแก๊สและเขม่าควันไหม้หลายเป็นมลพิษทางอากาศ และสามารถทำให้เกิดเป็นคราบน้ำมันในบริเวณผิวน้ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ผู้มีอำนาจคิดอะไรถึงใช้รถบรรทุกน้ำมันที่อันตรายเช่นนี้มาเป็นเครื่องกีดขวาง? หากมีความผิดพลาด เช่นมีการเคลียร์น้ำมันออกไม่หมด หรือมีผู้ต้องการสร้างสถานการณ์ หรือหากสถานการณ์บานปลายใดๆ ใครจะรับผิดชอบต่อผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ และผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว ยังไม่ต้องรวมถึงมรดกแห่งชาติ โรงพยาบาล สถานศึกษา หรือพระบรมมหาราชวัง ที่อาจเกิดความเสียหายอีก

คำถามที่ผู้มีอำนาจต้องตอบคือใครเป็นคนคนสั่งการอย่างไร้ความรับผิดชอบในครั้งนี้ พวกคุณตั้งใจจะทำอะไร คุณไม่เห็นแก่ชีวิตกระทั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณเองเลยหรือ?

ขอบคุณ Weerachai Phutdhawong และ วิศวกรรม เพื่อประชาธิปไตย