- 12 ส.ค. 2564
หมอทศพร เสรีรักษ์ - หมอขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ - หมิว สิริลภัส นักแสดงชื่อดัง นำทีมพบ อนุทิน ชาญวีรกูล จี้หนักถึงความโปร่งใสการจัดการวัคซีนไฟเซอร์
ล่าสุดที่กระทรวงสาธารณมุข กลุ่มแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน นักศึกษา ประชาชน บุคลากรสาธารณสุข นำโดย นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมด้วย แพทย์หญิงขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ และ หมิว สิริลภัส กองตระการ นักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางไปพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล
จากการเดินทางมาพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อขอความชัดเจน และโปร่งใส ในการจัดการวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับบุคลากรสาธารณสุข อาสาสาสมัคร ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับศพ และ ขยะ
นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์กล่าวกับนายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากบุคลากรสาธารณสุขนักศึกษาและประชาชนจำนวนมากในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์โดยมีข้อพบเห็นคือการจัดสรรวัคซีนที่ไม่ทั่วถึง ไม่เพียงพอบุคลากรจำนวนมากถูกกีดกันด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ และบุคลากรทุกคนที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนได้รับการฉีดวัคซีน
หมอทศพรได้ระบุรายละเอียดต่อไปว่า สิ่งที่ตนเรียกร้องมีดังต่อไปนี้
1. รัฐมนตรีได้กำหนดแผนการกระจายวัคซีนให้ชัดเจนและวัคซีนต้องเพียงพอสำหรับบุคลากรสาธารณสุขทุกคนตลอดจนผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการศพ
2. รายชื่อบุคคลที่จะได้รับการฉีดวัคซีนให้ระบุชื่อตำแหน่งหน้าที่การปฏิบัติงานเหตุผลที่ชัดเจนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตรวจสอบและคัดค้านได้ทั้งในรูปแบบของการติดประกาศที่หน่วยฉีดหรือเว็บไซต์
ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วย สธ. เดินทางมาพบและรับข้อเรียกร้อง ซึ่งใช้ห้องประชุมชัยนาทเรนทรเป็นห้องหารือ จากนั้น นายอนุทิน ได้มอบหมายให้ นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นผู้ชี้แจง
โดย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวเกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์ว่า ได้รับทราบว่าสหรัฐอเมริกา จะบริจาควัคซีนให้กับประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดส คาดว่าน่าจะเป็นวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากที่ได้บริจาคมาแล้ว 1.5 ล้านโดส ขณะที่แผนการจัดหาวัคซีนของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2564 ประเทศไทยจะได้สั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์แล้วจำนวน 20 ล้านโดส ซึ่งล่าสุด ทางบริษัทผู้ผลิตได้แจ้งว่าจะมีการจัดสรรโควต้าเพิ่มให้อีก 10 ล้านโดสในปีนี้ ซึ่งจะรวมเป็น 30 ล้านภายในไตรมาส 4 ของปีนี้