ชาวเน็ตเห็นต่าง ไม่เชื่อข้อมูล "หมอของขวัญ" เป็นแค่ "หมอกดสิว"

แพทย์หญิง ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ หรือ หมอเคท เจ้าของคลินิกผิวหนังหลายสาขา ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและเลเซอร์ ได้อธิบายเกี่ยวกับข้อมูลวัคซีนที่มีอยู่ในไทยทั้งสูตรปกติ และสูตรผสม มีข้อดี-ข้อเสียต่างกันอย่างไร ผ่านรายการ แฉ ออกอากาศช่อง GMM25 ว่า ปัจจุบันมีวัคซีนในประเทศไทยอยู่ 3 ยี่ห้อได้แก่ ซิโนแวค, วัคซีนซิโนฟาร์ม และแอสตร้าเซนเนก้า และคาดว่าช่วงเดือนตุลาคมจะมีวัคซีนโมเดอร์นา  เข้ามาเพิ่ม จากนั้นช่วงต้นปีอาจจะมีไฟเซอร์เข้ามาอีกยี่ห้อ และหวังจะมีวัคซีนโนวาแวกซ์ ซึ่งเป็นโปรตีนซับยูนิตวัคซีน ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามไวรัสได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหลายคนเชื่อว่าจะเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ดีที่สุด

ดังนั้น หากร่างกายได้รับการกระตุ้นโดยวัคซีนที่กระตุ้นการทำงานขาทั้งสองข้างคือทั้ง บี-เซลล์ และ ที-เซลล์ ภูมิคุ้นกันเราก็จะครบสามารถป้องกันไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อว่าในที่สุดคนทั้งโลกก็น่าจะได้รับการฉีดวัคซีนแบบไขว้

 

 

แต่ที่สำคัญจะต้องพิจารณาว่า การฉีดวัคซีนแบบไขว้นั้นจะต้องดูว่าเป็นแบบไขว้ 2 ชนิด หรือ 3 ชนิด ซึ่งหากในอนาคตมีวัคซีนชนิด mRNA เข้ามาเพิ่มอีก บ้านเราจะมีการฉีดวัคซีนไขว้กันถึง 3 ชนิดหรือไม่ ซึ่งหากฉีดผสมกัน 3 ชนิดก็ยังไม่มีใครทราบว่าจะมีผลเช่นไร ซึ่งตอนนี้ทุกประเทศในโลกฉีดวัคซีนสลับ 2 ชนิดและจบทุกวัคซีน mRNA มีเพียงไทยเท่านั้นที่จบด้วย ไวรัลเวกเตอร์ จึงได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ตนอยากเรียนไปถึงรัฐบาลว่า ไฟเซอร์ล็อตที่มาในไทยนี้ไม่ใช่วัคซีน แต่เป็นกำลังใจของเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่ใส่ชุด PPE ยาวนานมาเป็นปี อยากให้ท่านที่จัดสรรวัคซีนลองไปใส่ชุด PPE ซัก 1 ชั่วโมงก็พอ รับรองว่าท่านจะกลับไปจัดสรรวัคซีนให้เจ้าหน้าที่ด่านหน้าทั้งหมด 

ต่อมาทางด้านชาวเน็ตบางส่วนกลับบอกว่าไม่เชื่อหมอของขวัญ มั่วแน่นอนเป้นแค่ "หมอกดสิว" จะไปมีความรู้อะไร ถ้าต้องเลือก ควรฟัง "หมอหนู" เพราะเป็นข้อมูลจริงจากทางรัฐไม่มั่วซั่ว มีแพทย์กระทรวงสนับสนุน

แต่ถ้าหากมองย้อนกลับไป หมอของขวัญ คือ แพทย์ที่ใช้เวลาเรียน 6 ปี เหมือนแพทย์ทั่วไป มีความรู้ความเข้าใจจริงเรื่องสุขภาพ และเรียนต่อเฉพาะทางผิวหนัง  ส่วน "หมอหนู" คือนักธุรกิจผู้รับเหมาก่อสร้าง ผันตัวมาเล่นการเมืองจนได้เป็นนายกกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้จบแพทย์ ไม่มีความรู้โดยตรง