- 14 ส.ค. 2564
ทีมแพทย์ด่านหน้าตัดพ้อ ถึงขั้นหมดใจ หมดศรัทธา โดนสวมสิทธิ์ฉีดไฟเซอร์ ลั่นคนที่ได้วัคซีนเขารู้จักชุด PPE ไหม? ท้าให้กางรายชื่อคนได้ฉีดวัคซีน ฟาดแรง ทำอะไรไว้ก็ช่วยยอมรับสักที ยืนยันไม่มีความเข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น!
คนไทยทุกคนยังคงต้องต่อสุ้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่แพร่ระบาดและคร่าชีวิตผู้คนไปมากมายอย่างต่อเนื่อง อย่างยอดโควิดในไทยล่าสุดของวันที่ 14 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมานั้นรายงานระบุว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 217 ราย ที่น่าเศร้าคือมีหญิงตั้งครรภ์ร่วมอยู่ในนั้นถึง 2 ราย ขณะที่ยอดติดเชื้อก็ยังพุ่งถึง 22,086 ราย
แน่นอนว่า ณ ช่วงเวลานี้ วัคซีนที่ดีที่สุดสมควรที่จะมาเยียวยาและยื้อชีวิตคนไทยให้พ้นเงื้อมมือมัจจุราชที่ได้ชื่อว่า โควิด 19 ได้แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ที่สหรัฐอเมริกาได้บริจาควัคซีนมาใมห้ประเทศไทย 1.5 ล้านโดส ซึ่งมีแพลนจะส่งเพิ่มอีก 1 ล้านโดสนั้น คนไทยทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า บุคลากรด่านหน้าสมควรได้ฉีด ทว่าเมื่อวัคซีนมาถึงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เนื่องจากเพจเฟซบุ๊กของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดังได้นำข้อความจากเหล่าแพทย์ด่านหน้ามาขยายเสียงให้เหล่าทีมบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากปัญหาแพทย์ด่านหน้าหลายรายยังไม่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่สาม ยิ่งตอกย้ำคำถามที่ว่า ไฟเซอร์หายไปไหนได้อย่างดี
โดยในเพจของนักเล่าข่าวชื่อดังได้ระบุข้อความว่า "ทำไมยังเกิดขึ้น #ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด พร้อมทั้งนำข้อความจากเสียงของแพทย์ด่านหน้ามาแชร์ต่อ ซึ่งในโพสต์เหล่านั้นระบุว่า
"บันทึกรอยแผลของช่วงชีวิตนี้ไว้ในความทรงจำ ท้ายที่สุดของการรอคอยอย่างมีความหวัง คือด่านหน้าอย่างพวกเรา…ยังคงถูกปฏิเสธการฉีดวัคซีน เหลือเชื่อจริงๆ ที่รายชื่อด่านหน้าไม่กี่ตึกรวบรวมยากเย็น เห็นรายชื่อคนที่ได้รับแล้วเราเจ็บปวดใจแทนด่านหน้าทุกคนที่กัดฟันสู้เพื่อโรงพยาบาล อุทิศชีวิตเดียวที่มีนี้เพื่อคนไข้ บางคนไม่ได้ทำงานในรพ.แล้วด้วยซ้ำ บางคนคือใครจากไหนไม่รู้
เราสงสารตัวเองที่เชื่อมั่นว่าผู้บริหารจะเห็นคุณค่าของพวกเรา แต่กลับปล่อยให้สิทธิที่เราควรได้รับถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา หรือจริงๆแล้วเห็นความเป็นความตายของเราเป็นเรื่องตลกร้าย เรามีกันแค่คนละหนึ่งชีวิตและเป็นคนที่คลุกคลีกับคนไข้โควิดจริงๆ แล้วเราควรเรียกร้องหาความยุติธรรมได้จากใคร
นาทีนี้ยอดสะสมคนไข้เป็นแสน ทุกคนเสี่ยง แต่จริงๆแล้ว priority คืออะไร คือใคร งงไปหมดแล้ว ตอนนี้คนหน้างานเหนื่อย สะบักสะบอมทั้งร่างกายและจิตใจเหลือเกิน ยังจะให้เขาเดินต่อไปข้างหน้าด้วยภูมิคุ้มกันที่เปราะบางนี้จริงหรือ
ตอนนี้พวกเรากำลังเฝ้าคนไข้โควิดตรงหน้า ในขณะที่ใครต่อใครกำลังได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพนั้นและคิดว่าทำไมการที่เราต้องการเพียงความปลอดภัยเพื่อที่จะไปดูแลคนไข้ต่อมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้"
อีกข้อความจากแพทย์ด่านหน้าได้ระบุอีกว่า "หมดใจ หมดศรัทธา แต่เดิมถูกละเลยอยู่แล้ว ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อคนไข้ เพราะเบื้องบนไม่เคยจะช่วยบรรเทาเหตุการณ์ที่หนักหน่วงได้เลย ตอนนั้นคนไข้โควิดค้างในอีอาร์ 20 กว่าเคส ไหนจะเคสฝากบลาๆ
เกย์ออกซิเจนหมด ทางรพ.ไม่สามารถจัดสรรมาให้ได้ทันที เราก็ต้องขอรับบริจาคมาทันทีเพราะคนไข้เรารอไม่ได้ อุปกรณ์ N95 face shield ในวอร์ดหมด พวกเราก็ต้องหาซื้อมาใช้กันเองให้ได้ จนมาวันนี้แหละมันเกินไป รพ.ได้รับไฟเซอร์มาเพื่อให้บุคลากรด่านหน้าที่ต้องดูแลคนไข้โควิดต่อ กลับไม่ได้รับความยุติธรรม
เมื่อรายชื่อผู้มีสิทธิ์ฉีดไฟเซอร์ออกมา รายชื่อคนด่านหน้าตกหล่น ทางรพ.ตั้งเกณฑ์ขึ้นมาใหม่โดยไม่อิงตามของทาง สธ.ทำให้วัคซีนที่นำเข้ามาเพื่อให้ด่านหน้า กลับถูกใครไม่รู้ที่ไม่เคยแม้แต่เคยเจอคนไข้โควิดหรือไม่รู้จักชุดPPEด้วยซ้ำมาสวมรอยขโมยวัคซีนไป เมื่อตั้งคำถามกับทางผู้บริหารกลับได้คำตอบคือความเงียบ
แบบนี้จะให้เราชาวด่านหน้ารู้สึกยังไง ไม่ใช่ว่าคุณไม่ควรได้รับวัคซีนนะ แต่คุณควรลำดับความสำคัญ หรือมีจิตสำนึกด้วยว่าใครควรได้ฉีดก่อนและใครรอได้ แล้วใครจะดูแลคนไข้ของเราหากบุคลากรด่านหน้าไม่มีอีกต่อไป...” แน่นอนว่าหลังจากที่ข้อความดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้มีชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ล่าสุดในเพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ยังได้อัพเดตล่าสุดอีกว่า "เสียงล่าสุด จาก พยาบาลด่านหน้า รพ.ภูมิพล กรณี “ไฟเซอร์” ครับ …" ซึ่งเนื้อหามีดังต่อไปนี้
“ไม่มีความเข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น!!!! ทำอะไรไว้ก็ช่วยยอมรับสักที ถามอะไรไปก็มีแต่เงียบ แน่จริงเอารายชื่อคนที่ได้วัคซีนจริงๆ ทั้งหมดมากางเลยค่ะ แล้วช่วยวงว่าชื่อไหนคือด่านหน้าบ้าง”