แพทย์หญิงพาญาติมาฉีดไฟเซอร์ ลาออกแล้ว

จากกรณี แพทย์สาวจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำญาติเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์จนฉาวสนั่นวงการแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขของจังหวัดนครศรีธรรมราช

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีแพทย์หญิงระดับปฏิบัติการณ์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้นำครอบครัวมารับวัคซีนไฟเซอร์ในเวลาช่วงบ่ายของวันดังกล่าว ข้อมูลจากการสืบสวนผ่านผู้เกี่ยวข้องระบุว่า ในวันนั้นได้เบิกจ่ายวัคซีนจำนวน 11 ขวด จะมีผู้ได้รับวัคซีนซึ่งเป็นบุคลากรด่านหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่อำเภอที่เกิดเหตุจำนวน 66 คนมารอรับ โดยวัคซีนไฟเซอร์ 1 ขวดจะสามารถฉีดให้กับบุคคลากรได้ 6 คน แต่มีเทคนิคคือแต่ละขวดหากใช้วิธีการ Low Dead Space Syringe จะสามารถดึงวัคซีนฉีดได้ถึง 7 คน ซึ่งโดยปกติแต่ละขวดนั้นจะฉีดเฉพาะ 6 คนหรือ 6โดสเท่านั้น ที่เหลือจะได้รับคำสั่งให้ทิ้ง แต่ประเด็นนี้ได้มีการเตรียมการล่วงหน้า โดยมีผู้ที่มารับวัคซีนส่วนที่เหลือนั้นคือพี่สาวของแพทย์หญิงคนนี้ ส่วนแม่ได้รับวัคซีนในส่วนของ 6 โดส ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 


 

สำหรับความคืบหน้ากรณีดังกล่าวนั้น นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นายแพทย์กฤษณ์ เพชรสำรวล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนบพิตำ ได้เปิดแถลงข่าวด่วนเพื่อชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่ากรณีที่เกิดขึ้นนั้นยอมรับว่าเกิดขึ้นจริงที่ รพ.นบพิตำ ล่าสุดนั้นแพทย์หญิงที่อยู่ในกระแสข่าวได้ขอเข้าพบแล้ว ซึ่งยอมรับว่าเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยได้พิจารณาตัวเองโดยการยื่นหนังสือลาออกจากราชการในตำแหน่งนายแพทย์ปฏิบัติการแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเสนอหนังสือลาออกไปตามขั้นตอน ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อพิจารณาต่อไป

 
 

นอกจากนั้นสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังเปิดเผยอีกว่า แม้ว่าจะมีการลาออกเกิดขึ้น แต่ในส่วนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงยังดำเนินการต่อไป ซึ่งข้อเท็จจริงในเบื้องต้นนั้นรับฟังได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นจริง ได้มีการฉีดวัคซีนให้พี่สาวของแพทย์หญิง โดยเป็นวัคซีนส่วนที่เหลือเป็นโดสที่ 7 จากปกติ 1 ขวดจะได้เพียง 6 โดส แต่เมื่อมีการดึงด้วยไซริงค์ที่เรียกว่า Low Dead Space Syringe จะสามารถดึงได้หมดโดยไม่มีวัคซีนตกค้าง ซึ่งหลังจากฉีดให้กับพี่สาวแล้วเจ้าหน้าที่ได้รายงานผู้อำนวยการโรงพยาบาล จึงสั่งให้ระงับการฉีดให้กับบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้า ทำให้ไม่ได้ฉีดให้กับมารดาและญาติของแพทย์หญิง หลังจากนี้จะมีคณะกรรมการสอบสวนเข้าทำการสอบทั้งหมดเพื่อพิจารณาโทษ โดยจะเสนอมายัง สสจ.อีกครั้งว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรโดยเฉพาะทางวินัย และในกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นแค่ไหนอย่างไร

นายแพทย์จรัสพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่าสิ่งสำคัญวัคซีนเหล่านี้ได้รับฉันทานุมัติว่า เป็นวัคซีนที่ต้องฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเท่านั้น แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความไม่เรียบร้อย ในฐานะนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดต้องขอโทษประชาชนชาวนครศรีธรรมราช และประชาชนชาวไทยทุกคน