- 18 ส.ค. 2564
หมอเหรียญทอง โพสต์ร่ายยาว ยันทำถูก จัดอันดับความสำคัญผู้ป่วย ชี้คนร้องมีแต่อคติส่วนตัวทั้งนั้น
วันที่ 18 ส.ค. พล.ต.นพ. เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ... เปิดเผยคำแถลงต่อคณะอนุกรรมการสอบสวน ต่อกรณีผู้ร้องเรียนแพทยสภาที่กล่าวอ้างว่าข้อความในโพสต์ของผมนั้นเป็นการขัดต่อข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วย การรักษาจริยรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2549 ข้อ 7 ที่กำหนดว่า “ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมย่อมประกอบวิชาชีพด้วยเจตนาดี โดไม่คำนึงถึงฐานะ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา สังคม หรือลัทธิการเมือง” นั้น ดังความคำแถลงของผมต่อคณะอนุกรรมการสอบสวน ต่อไปนี้ ในการบริหารจัดการสถานการณ์ผู้ป่วยจำนวนมากซึ่งเป็นสถานการณ์ ไม่ปกติและฉุกเฉินนั้น จำเป็นต้องมีการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ในกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายสุงสุดจนมีผู้ป่วยระดับความรุนแรงในทางการแพทย์เหมือนๆกัน เท่าๆกัน แต่มีจำนวนมากแล้วจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกรับผู้ป่วยเพียงรายใดรายหนึ่งเท่านั้นแล้ว การคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ถึงแม้จะต้องขัดต่อข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2549 ข้อ 7 ซึ่งเป็นข้อบังคับตามกฎหมายในสถานการณ์ปกติก็ตาม เพราะเหตุแห่งสถานการณ์ไม่ปกติและฉุกเฉินนั้นทำให้ไม่สามารถรับผู้ป่วยทั้งหมดไว้ได้
ดังตัวอย่างเช่น ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล รพ.เอกชนจำนวนมากได้จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนแก่ผู้ป่วยโควิด-19 โดยคำนึงถึงฐานะ เชื้อชาติ สัญชาติ โดยจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนแก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีฐานะ มีประกันสุขภาพก่อน ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยากไร้หรือมีเชื้อชาติ สัญชาติอื่นที่เรียกว่า ‘ต่างด้าวไร้สิทธิ’ นั้นก็จะมีลำดับความสำคัญเร่งด่วนน้อย ทำให้ผู้ป่วยยากไร้และผู้ป่วย‘ต่างด้าวไร้สิทธิ’ จำนวนมากไม่สามารถเข้ารักษาตัวใน รพ.เอกชนในสถานการณ์ผู้ป่วยจำนวนมากซึ่งเป็นสถานการณ์ไม่ปกติและฉุกเฉินได้ ซึ่งสามารถตีความได้ว่า ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล รพ.เอกชนจำนวนมากเหล่านี้ล้วนขัดต่อข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2549 ข้อ 7 ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ข้าพเจ้าจะรวบรวมประชาชนผู้เดือดร้อนจากกรณีผู้ดำเนินการสถานพยาบาล รพ.เอกชนจำนวนมากถูกปฏิเสธการรับตัวเข้า รพ.เอกชน เพื่อร้องเรียนต่อแพทยสภาในโอกาสต่อไป การจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนแก่ผู้ป่วยโควิด-19 ของข้าพเจ้าเป็นการประกาศความชัดเจนเพื่อให้ผู้มีลำดับความสำคัญเร่งด่วนน้อยทราบและแสวงหา รพ.อื่นโดยไม่เสียเวลารอคอยเมื่อเกิดสถานการณ์โรคระบาดที่เลวร้ายสูงสุดที่มีผู้ป่วยจำนวนมากจนมีระดับความรุนแรงในทางการแพทย์เหมือนๆกัน เท่าๆกัน จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ไม่แตกต่างไปจากผู้ดำเนินการสถานพยาบาล รพ.เอกชนจำนวนมากที่จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนแก่ผู้ป่วยโควิด-19 โดยคำนึงถึงฐานะ เชื้อชาติ สัญชาติ อันเป็นการขัดต่อข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2549 ข้อ 7 เช่นเดียวกัน
ดังนั้นในสถานการณ์โรคระบาดที่เลวร้ายสูงสุดที่มีผู้ป่วยจำนวนมากและมีการเจ็บป่วยที่มีระดับความรุนแรงในทางการแพทย์เหมือนๆกัน เท่าๆกัน แต่ต้องตัดสินใจรับผู้ป่วยเพียงรายใดรายหนึ่งแล้ว การที่ข้าพเจ้าได้ประกาศชัดเจนว่าข้าพเจ้าจำเป็นต้องรับผู้ป่วยที่เป็นพสกนิกรผู้จงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์เป็นลำดับความสำคัญเร่งด่วนก่อนจึงหาได้เป็นการไร้จริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ทั้งนี้ข้าพเจ้ายังได้โพสต์ข้อความต่อเนื่องในโพสต์เดียวกันอีกว่า หากมีเตียงว่างแล้ว ข้าพเจ้าจะพิจารณารับผู้ป่วยโควิดที่ติดเชื้อจากการร่วมชุมนุมก่อความไม่สงบเป็นลำดับถัดไป และเป็นรายๆไปข้าพเจ้าหาได้ปฏิเสธการรักษาชีวิตผู้ป่วย เพียงแต่ผู้ป่วยรายนั้นมีลำดับความสำคัญน้อยกว่าเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพราะเหตุแห่งความจำเป็นและความจำกัดเนื่องจาก รพ.ในความรับผิดชอบของข้าพเจ้ามีจำนวนเตียงจำกัดไม่เพียงพอต่อสถานการณ์โรคระบาดที่มีผู้ป่วยจำนวนมากนั่นเอง
ดังนั้นการคำนึงถึงลัทธิการเมืองเพื่อการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในสถานการณ์เลวร้ายสุงสุดและเป็นสถานการณ์ไม่ปกติฉุกเฉินจึงเป็นความจำเป็นที่อาจกล่าวง่ายๆเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดว่า “ถ้ามีผู้ป่วยเจ็บปางตายเท่าๆกัน รายหนึ่งเป็นคนดี อีกรายหนึ่งเป็นคนร้ายที่ก่อความไม่สงบทั้งยังเป็นสาเหตุแห่งการแพร่ระบาดโรค ซ้ำเติมสถานการณ์โรคระบาดที่มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ รพ.ในระบบสาธารณสุขไม่มีเตียงเพียงพอที่จะรองรับได้ หากจำเป็นต้องเลือกรับผู้ป่วยรายใดรายหนึ่งที่เจ็บปางตายเท่าๆกันเพราะมีเตียงรับผู้ป่วยได้เพียงรายเดียวเท่านั้นแล้ว การที่ผมประกาศเลือกรักษาชีวิตคนดีก่อน ผมจะไร้จริยธรรมแห่งวิชาชีพได้อย่างไร หรือจะให้ลำดับความสำคัญและเร่งด่วนแก่คนร้ายก่อนคนดี แล้วจะทำให้ผมไม่ไร้จริยธรรมแห่งวิชาชีพกระนั้นหรือ หรือจะต้องให้ผมเสแสร้งดัดจริตว่าจะรักษาทั้งสองชีวิตในเวลาเดียวกัน ทั้งๆที่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีเตียง ไม่มีทรัพยากรในการรักษาพยาบาลในสถานการณ์เลวร้ายสูงสุด หรือผมจะต้องเสแสร้งทำเป็นเงียบๆ แล้วปฏิเสธไม่รับคนร้าย ปล่อยให้ส่งตัวคนร้ายมาเรื่อยๆแล้วให้เขาเสียชีวิตกันไปกระนั้นหรือ ประกาศให้เขาทราบ ให้เขามีทางเลือกอื่นสำหรับชีวิตเขาไม่ดีกว่าหรืออย่างไร หากความชัดเจนของผมเป็นการขัดต่อข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2549 ข้อ 7 แล้ว ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล รพ.เอกชน จำนวนมากที่จัดความสำคัญเร่งด่วนในการรับผู้ป่วยโควิด-19 เข้า รพ.เอกชน โดยคำนึงถึงฐานะ เชื้อชาติ สัญชาติ ก็ล้วนแต่ขัดต่อข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2549 ข้อ 7 ด้วยกันทั้งสิ้น แพทยสภาจะเลือกปฏิบัติได้อย่างไร”
ถึงแม้ข้าพเจ้าจะไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกับผู้ร้องทั้งสอง ไม่เคยรู้จักกันเสียด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากราชอาณาจักรไทยประสบปัญหาสถานการณ์บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นความมั่นคงของชาติดังที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบัน จนทำให้ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นผู้นำเครือข่ายภาคประชาชนในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เมื่อปี พ.ศ.2557 นับแต่นั้นมาได้มีขบวนการและแนวร่วมที่สร้างความเกลียดชังต่อข้าพเจ้าโดยที่ข้าพเจ้าไม่รู้ตัวและฉกฉวยโอกาสในการตีความโพสต์ต่างๆ หรือการกระทำต่างๆของข้าพเจ้าเพื่อให้ร้ายข้าพเจ้าอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิจ โดยเฉพาะการร้องเรียนผ่านแพทยสภาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลายครั้งหลายครา เนื่องจากแพทยสภาป็นองค์กรวิชาชีพเพื่อคาดหวังว่าจะตัดโอกาสทำมาหาเลี้ยงชีพในวิชาชีพเวชกรรมของของข้าพเจ้า แนวร่วมทั้งหลายหาใช่ผู้เดือดร้อนเสียหายจากการประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยข้าพเจ้า ที่ผ่านมายังไม่เคยมีผู้เดือดร้อนเสียหายจากการประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยข้าพเจ้าแม้แต่รายเดียว ทั้งนี้ก็เพราะข้าพเจ้าไม่ได้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมมานานกว่า 30 ปีแล้ว
ผู้ร้องทุกรายเป็นเพียงผู้เดือดร้อนจากความเกลียดชัง ความโกรธ ความไม่พึงพอใจของตนเองทั้งสิ้น ไม่มีแม้สักรายเดียวที่เดือดร้อนเสียหายจากการประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยข้าพเจ้า กรณีผู้ร้องทั้งสองรายนี้ก็เช่นกัน อีกทั้งสถานการณ์ระบาดที่เลวร้ายสูงสุดยังเป็นเพียงการคาดคะเน คาดการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหายโดยนิตินัยที่มีสิทธิร้องเรียนจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาโดยทั่วกัน
ขอแสดงความนับถือ
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
กรรมการผู้จัดการ บริษัท มงกุฎวัฒนะ จำกัด (มหาชน)
18 ส.ค.64 เวลา 7.29 น.