- 18 ส.ค. 2564
ผอ.เผยสภาพจิตใสหมอหญิงพาญาติฉีดไฟเซอร์ มาทำงานปกติแต่ยังต้องสอบสวนทางวินัย ทั้งนี้แพทย์หญิงคนดังกล่าวได้ออกมาขอโทษสังคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากกรณีดราม่าบนโลกออนไลน์ กับกรณีแพทย์หญิง ของ รพ.นบพิตำ ที่กล้องวงจรปิดจับภาพขณะแพทย์หญิงพาญาติมาฉีดไฟเซอร์ และยืนดูการฉีดด้วยตัวเองจนกลายเป็นดราม่าสนั่นโลกออนไลน์ หมอรายนี้ถูกสังคมกดดันอย่างหนักจนตัดสินใจจะลาออก แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจเพราะเห็นว่าทางโรงพยาบาลนบพิตำมีหมอน้อยตนจึงยังจะขอทำหน้าที่ต่อไปและยืนยันว่าวัคซีนที่ฉีดให้พี่สาวเป็นวัคซีนก้นขวด จะทิ้งไปก็เสียดาย ล่าสุดผอ.รพ.นบพิตำ ได้เผยถึงสภาพจิตใจหมอหญิงรายนี้
ก่อนหน้านี้แพทย์หญิงคนนี้ได้ออมาโพสต์ขอโทษสังคม แสดงความเสียใจและชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า
"ทุกคนบอกให้เงียบ เเต่เมื่อหมอทำผิด ก็ต้องออกมารับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ออกมาเปิดเผยตัวตนและกล้ายอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น หมอขอออกมาพูดอธิบายข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะบางสำนักข่าวนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง"
"ตอนนั้นบอกเลยว่าคาดคิดไม่ถึงจริงๆ ทำไปเพราะคิดว่าวัคซีนกำลังจะถูกทิ้งไป ขอเก็บเอามาฉีดเถอะ วันนี้ได้รู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปมันผิด ขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง ขอบคุณกำลังใจและคนที่เข้าใจเหตุการณ์ และขอโทษอีกครั้งสำหรับทุกคนที่โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกุ๊บกิ๊บขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว"
"ขอโทษที่หมอคิดน้อยไปว่า ควรจะทิ้งมันไป การที่เราไปหยิบวัคซีนขยะนี้มันอาจจะผิด มันอาจจะผิด มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี ความรู้สึกของหมอคือ เหลือ ขอ ไม่เหลือไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่หมอก็ได้ พี่หมอก็ได้ เป็นใครก็ได้บนประเทศไทยให้เขาได้รับวัคซีน แม้จะทิ้งก็เหอะ อาจจะมีคนอยากได้ เราแค่รู้สึกเสียดายแค่นั้นเอง"
ต่อมารู้สึกน้อยใจ เสียใจมาก ที่เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น จึงได้ตัดสินใจยื่นใบลาออก และกลับไปบ้าน คิดทบทวนตัวเองว่า สิ่งที่ทำมันถูกไหม เราลาออกแบบนี้ เราได้อะไรจากการลาออก รพ.นบพิตำมีหมอน้อยมากๆ เพราะต้องไปช่วย รพ.สนามบุษราคัม และยังจะต้องเปิด รพ.สนามนบพิตำด้วย ถ้าเราออกจะมีหมอไม่เพียงพอ เมื่อวานจึงตัดสินใจกลับมาโรงพยาบาลและไปเอาใบลาออกกลับมาก่อน ว่า ฉันจะสู้ก่อน สู้เพื่อคนนบพิตำ สู้เพื่อคนไข้ สู้ด้วยจรรยาบรรณ
"แม้ว่าข่าวที่เกิดขึ้นและถูกโจมตีอย่างหนัก บั่นทอนความรู้สึก บั่นทอนจิตใจตัวหมอเอง จากความเห็นแก่ตัวของหมอที่อยากให้คนที่เรารักคือแม่และพี่สาวได้ปลอดภัย มีชีวิตอยู่กับเราไปนานๆ หมอกราบขออภัยด้วย และยืนยันว่าหมอไม่ได้ไปแย่งวัคซีนของบุคลากรด่านหน้า เพราะทุกคนเป็นคนที่หมอรัก หมอรู้จัก เป็นเพื่อนร่วมหมอ ซึ่งหมอไม่มีทางที่จะแย่งของเขามาอย่างแน่นอน"
และยืนยันหนักแน่นว่าวัคซีนไฟเซอร์ที่ฉีดให้พี่สาวนั้นเป็นวัคซีนเหลือจริงๆ
“มันเป็นวัคซีนที่เหลือก้นขวดทิ้งถังขยะจริงๆ ทุกคนที่นั่งอยู่ก็เห็น บุคลากรด่านหน้าที่ 66 คนทุกคนได้รับวัคซีนครบ ยอมรับว่าหมอให้พี่สาวพาคุณแม่มาด้วย แต่แม่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแต่อย่างใด เพราะหลังฉีดให้พี่สาวก็มีบุคลากรบางท่าน รายงานให้ ผอ.รพ.นบพิตำว่า มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ของบุคลากรด่านหน้าให้บุคคลภายนอก ซึ่งเขาก็ทำถูกต้องแล้ว จน ผอ.ร.พ.กำชับไม่ให้ฉีดให้บุคคลภายนอก แต่หมอเองก็น้อยใจว่า เราทำงานสุ่มเสี่ยงตรงนี้มาต่อเนื่อง แต่เราไม่สามารถที่จะเอาวัคซีนก้นขวดทิ้งไปแล้วกลับมาฉีดให้แม่และพี่สาวของเราเพื่อให้เขาปลอดภัยได้"
ล่าสุดวันที่ 18 สิงหาคม 2564 นพ.กฤษณ์ เพชรสำรวล ผอ.รพ.นบพิตำ เผยสภาพจิตใจหมอหญิงคนดังกล่าว วันนี้ก็มาทำงานตามปกติ แต่สภาพจิตใจยังย่ำแย่ เนื่องจากถูกกระแสกดดันและโจมตีเป็นอย่างมาก ซึ่ง ทางผอ.รพ.ก็บอกว่าจะต้องให้กำลังใจในการทำหน้าที่กันต่อไป แต่ก็ยังคงต้องถูกสอบสวนทางวินัยอยู่