- 20 ส.ค. 2564
อนุทินลงชื่อแก้สัญญาซื้อไฟเซอร์ระหว่างอธิบดีกรมควบคุมโรค กับบริษัทไฟเซอร์ เพิ่มเป็น 30 ล้านโดส เข้าไทยปลายปีนี้
จากกรณีนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเป็นประธานเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 เห็นชอบให้ใช้เงินกู้ฯตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯซื้อวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ จำนวน 20,001,150 โดส เป็นเงินจำนวน 9.37 พันล้านบาท แบ่งเป็นค่าวัคซีนจำนวน 8,439 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการวงเงินประมาณ 933 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าวัคซีนจะเข้ามายังประเทศไทยได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
กลุ่มเป้าหมายที่ได้วัคซีนไฟเซอร์ ประกอบด้วย
-บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด ทั่วประเทศ (ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน 1 เข็ม)
-ผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค ที่มีสัญชาติไทย
-ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศ เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง
ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีน Pfizer ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน/นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต เป็นต้น
ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ล่าสุดวันที่ 20 ส.ค. เวลา 08.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ตนเป็นประธานการลงนามในการแก้ไขสัญญาระหว่างอธิบดีกรมควบคุมโรค กับบริษัทไฟเซอร์ เพื่อสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ จากเดิม 20 ล้านโดส เป็น 30 ล้านโดส
โดยวัคซีนจะทยอยส่งให้ไทยในไตรมาส 4 ส่วนรายละเอียดเรื่องกลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีนนั้นให้เป็นเรื่องของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้พิจารณาต่อไป หน้าที่ของ รมว.สาธารณสุข คือการสนับสนุน จัดหางบประมาณมาให้