- 25 ส.ค. 2564
ก.ล.ต. สั่งปรับ พ่อไฮโซลูกนัท ฐานอินไซด์หุ้นโนเบิล
เกิดเรื่องราวที่เป็นที่น่าจับตาขึ้นมาจนได้ เมื่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 2 ราย กรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้น NOBLE และเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง พร้อมทั้งส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับ หรือ ค่าใช้จ่ายการตรวจสอบการให้แก่ ก.ล.ต. รวมจำนวน 15.95 ล้านบาท พร้อมห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
โดย ก.ล.ต. ได้ให้รายละเอียดถึงข้อมูลดังกล่าวว่า การดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดรวม 2 ราย ได้แก่ นายกิตติ ธนากิจอำนวย หรือ พ่อไฮโซลูกนัท กรณีเปิดเผยข้อมูลภายในเกี่ยวกับบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NOBLE) แก่บุคคลอื่น และ นายคงภัทร์ จิรมณีกุล กรณีซื้อหุ้น NOBLE โดยรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน
และเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด พร้อมทั้งชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. รวมจำนวน 15,952,104 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามบุคคลทั้งสองเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
นอกจากนี้ทาง ก.ล.ต. ระบุอีกด้วยว่า ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งพบว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2561 นายกิตติ ได้รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อหุ้น NOBLE ที่ราคา 12.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาด โดยนายกิตติซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของ NOBLE ในขณะนั้นได้เปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวแก่นายคงภัทร์ ที่มีศักดิ์เป็นหลานเขยของนายกิตติ
โดยรู้หรือควรรู้ว่า นายคงภัทร์ อาจนำข้อมูลนั้นไปใช้ในการซื้อหุ้น NOBLE ทั้งนี้ นายคงภัทร์ได้ซื้อหุ้น NOBLE ในระหว่างวันที่ 4 – 11 มิถุนายน 2561 จำนวน 4,088,600 หุ้น ก่อนมีการเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อสาธารณะในวันที่ 12 มิถุนายน 2561 ทำให้ นายคงภัทร์ ได้รับผลประโยชน์จากกำไรในการซื้อหุ้น NOBLE เป็นเงินจำนวน 7,043,960 บาท
ก.ล.ต. ระบุต่อไปว่า การกระทำของ นายกิตติ ซึ่งเป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในของ NOBLE และได้เปิดเผยข้อมูลภายในแก่ นายคงภัทร์ เป็นการฝ่าฝืนตามมาตรา 242(2) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 สำหรับการกระทำของนายคงภัทร์ที่ซื้อหุ้น NOBLE โดยรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในที่ได้รับการเปิดเผยจากนายกิตติ เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 242(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ขณะเดียวกันด้าน คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง หรือ ค.ม.พ. ได้มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายกิตติและนายคงภัทร์ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต.
ในส่วนของนายกิตติ คิดเป็นเงินรวม 653,795 บาท และนายคงภัทร์ คิดเป็นเงินรวม 15,298,309 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามนายกิตติและนายคงภัทร์ เป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลารายละ 12 เดือน ทั้งนี้ การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
หากผู้กระทำความผิดทั้ง 2 รายไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดแก่ ก.ล.ต.
อีกทั้งขอให้ศาลแพ่งกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 2 เท่าของระยะเวลาที่ ค.ม.พ. กำหนด และระยะเวลาห้ามเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามระยะเวลาสูงสุดที่กฎหมายกำหนด
สำหรับ นายกิตติ ธนากิจอำนวย ที่เป็นเจ้าของ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เคยมีศักดิ์เป็น พ่อไฮโซลูกนัท ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ก่อนที่ไม่นานมานี้ทั้งนายกิตติ และ นางอมรพิมล ภรรยา จะออกมาโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเหมือนจะประกาศตัดขาดพ่อลูกกับ ไฮโซลูกนัท ซึ่งทางผู้เป็นแม่ ได้โพสต์รูปภาพพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 พร้อมทั้งขอความระบุว่า "ขอเทิดทูนชั่วนิรันดร์" ขณะที่ฝ่ายพ่อได้เข้ามาตอบโพสติของภรรยาระบุว่า "รับไม่ได้ใครมาลบหลู่ เลือดเนื้อเชื้อไขก็ต้องตัดทิ้ง"