- 25 ส.ค. 2564
ชาวบ้านแฉ ผู้กำกับในคลิปฉาว ไม่เคยพูดทักทายคนในพื้นที่แต่พอทำผิดปรับแหลกหลายเท่า
ยังเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากที่ ผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ถูกหมายจับ หลังมีส่วนร่วมในการเสียชีวิตของผู้ต้องหาชายรายหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สามารถควบคุมตำรวจที่ร่วมกันก่อเหตุได้แล้ว 4 นาย แต่สำหรับ ผู้กำกับโจ้ นั้น ณ ตอนนี้ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า เขาอยู่ที่ไหน
โดยหลังจากที่ ทนายตั้ม หรือ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้นำคลิปสะเทือนใจมาโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมทั้งระบุว่าได้คลิปนี้มาจากตำรวจชั้นผู้น้อย ที่ต้องการร้องเรียนถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในคลิปดังกล่าว เนื่องจากการกระทำนี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างยิ่ง เพราะเป็นพฤติการณ์อันเป็นความร้ายแรง สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของตำรวจ ที่เป็นผู้รักษากฎหมาย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางด้านชาวบ้านในพื้นที่ ที่รู้จักเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในคลิปทั้ง 5 คนนั้นได้เปิดใจเล่าว่า ผู้กำกับที่อยู่ในคลิปเป็นคนที่ไม่เคยลงมาพูดคุย หรือทักทายกับชาวบ้านในพื้นที่เลย ซึ่งคนในละแวกนี้จะเห็นเพียงภาพหรือชื่อที่แปะอยู่ในโรงพักเท่านั้น แต่ไม่ได้เคยทักทายหรือรู้จักเป็นการส่วนตัว เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่โรงพักที่นี่ได้ไม่นาน
ชาวบ้านคนดังกล่าวเล่าต่อไปว่า ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ปรากฏอยู่ในคลิปนั้นรู้จักชื่อเพียงแค่ 1 คน แต่คนอื่นแม้ว่าจะไม่รู้จักชื่อ แต่ก็เคยทักทายและพูดคุยกันทุกวัน ซึ่งทุกคนมีนิสัยใจคอดี เรียกได้ว่าเป็นคนดีเลยก็ว่าได้ แต่หลังจากที่ตนได้เห็นคลิปดังกล่าวแล้วต้องยอมรับว่าตกใจมากจริงๆ เพราะไม่คิดว่าพวกเขาเหล่านั้นจะกล้ากระทำเช่นนี้
ทั้งนี้ ชาวบ้านคนดังกล่าว ได้ให้ข้อมูลต่อไปว่า อาจเป็นเพราะมีผู้บังคับบัญชาอยู่ในเหตุการณ์ จึงมีความจำเป็นที่จะร่วมก่อเหตุหรือไม่ เพราะส่วนตัวในฐานะคนพื้นที่ อยู่ที่นี่มานานตั้งแต่เกิด ก็ไม่คิดว่าจ.นครสวรรค์ จะมีตำรวจแสดงการจะทำแบบนี้กับผู้ต้องหา ซึ่งตนยอมรับว่าเคยมองว่าตำรวจเป็นผู้ถือกฎหมาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีการทำผิดกฎหมายเสียเอง
ตนในฐานะชาวบ้าน ที่ตั้งแต่มีผู้กำกับคนนี้เข้ามาทำหน้าที่ ก็ยอมรับว่าเข้มงวดกวดขันในการจับกุมมากขึ้น แต่กลับไม่ได้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้ อย่างที่ตนเจอมากับตัว ซึ่งเป็นเพียงแค่การไม่พก พ.ร.บ.รถ โดยปกติกฎหมายกำหนดให้ต้องถ่ายสำเนาเอาไว้ใต้เบาะ แต่ตนไม่ได้พกไปจึงถูกเรียกปรับ และเสียค่าปรับมูลค่า 2,000 บาท แต่ปกติจะปรับอยู่ที่ 400 - 600 บาท ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการกระทำผิด
อย่างไรก็ตามชาวบ้านคนดังกล่าวยังเล่าต่อไปอีกว่า ยอมรับว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่กระทบต่อความรู้สึกของชาวบ้าน เพราะหากมีการกระทำผิดตนเองก็พร้อมรับผิด แต่ไม่ใช่ต้องมีการจ่ายเงินที่มากกว่าที่กฎหมายกำหนดแบบนี้ ซึ่งหลังจากนี้เมื่อพบการกระทำผิด หรือมีการย้ายผู้กำกับโรงพักออกไปแล้ว เชื่อว่าชาวบ้านจะกลับมาใช้ชีวิตได้ดีมาก และเชื่อว่าผู้กำกับคนใหม่ ก็จะเข้ามาพัฒนาหรือเป็นที่พึ่งให้กับชาวบ้าน