- 26 ส.ค. 2564
แม่ลูกแสบ! ใช้รูปนางแบบหลอกเหยื่อเอาเงิน ผู้เสียหายสูญกว่า 2,690,000 ล้านบาท
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความหลังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพหลอกเอาเงิน ด้วยการสร้างเรื่องราวอันเป็นเท็จ ใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี และโซเชียลมีเดีย ตัดต่อข้อความ,ไฟล์เสียงแอบอ้างเป็นบุคคลใกล้ชิดข้าราชการ และหน่วยงานเอกชน ปลอมแปลงเอกสารสำคัญ, ปลอมแปลงภาพ ข้อความ และข้อความเสียง เพื่อความสมจริงและน่าเชื่อถือ จนผู้เสียหายหลงเชื่อ ส่งมอบทรัพย์สินให้ไปหลายครั้ง รวมความเสียหายกว่า 2,690,000 บาท
ล่าสุด วันที่ 25 ส.ค.64 ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปอท. แถลงผลปฏิบัติการล่า “คริส” (The Scammer) จอมโจรโคตรปลอม ยุค 4G หลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุดที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี และจับกุม น.ส.สุนันทินี สาเกทอง อายุ 33 ปี และ น.ส.รัชนี สกุลเอื้อ อายุ 63 ปี ผู้ต้องหาซึ่งเป็นแม่ลูกกัน โดยจับกุมใน ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง, แท็บเล็ต จำนวน 1 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง
โดยคนร้ายทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำงานชัดเจน เริ่มแรกจะสร้างตัวตนปลอมในโซเชียลมีเดีย ใช้เฟซบุ๊กโดยนำภาพดาราชาวต่างชาติหน้าตาดีมาใช้เป็นรูปโปรไฟล์ สร้างเรื่องว่าตนประกอบอาชีพเป็นนางแบบมีฐานะร่ำรวย อาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ และยังมีความสนิทสนมกับข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการ เป็นหลานของนักธุรกิจรถยนต์ ย่านสาทร รวมทั้งมีเพื่อนเป็นอัยการ และรู้จักกับทนายความชื่อดังอีกหลายคน จนทำให้มีผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียกว่า 20,000 คน แต่ความเป็นจริง เป็นผู้หญิงรูปร่างอ้วนท้วม ไม่เหมือนในรูป
หลังจากนั้นก็จะหาเหยื่อผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์ โดยเลือกเหยื่อจากครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ หลังจากนั้นก็จะแชตพูดคุยกัน ก่อนยุยงปลุกปั่น สร้างเรื่องราวปลอมแปลงแชต ตัดต่อคลิปเสียง เพื่อหลอกลวงคนในครอบครัวของผู้เสียหายให้เกิดความบาดหมาง หวาดระแวงกันเอง อาทิ สร้างเรื่องว่า พ่อของผู้เสียหายนำรถไปจำนำในตลาดมืด แต่ตนเองสามารถไถ่ถอนรถคืนมาได้ พร้อมส่งภาพเล่มทะเบียนรถ และเอกสารการจำนำรถที่ทำปลอมขึ้น ส่งให้ผู้เสียหายดู พร้อมกับพูดจาโน้มน้าว จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่าไถ่รถมาเข้าบัญชีของผู้ต้องหาเป็นเงินกว่า 1,530,000 บาท
ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานที่ยึดมาได้ พบว่าผู้ต้องหาตัดต่อรูปภาพของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ และหน่วยงาน อื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก โดยมีรูปภาพของ พล.ต.ต.ท่านหนึ่ง ถูกตัดต่อขึ้นมาทำให้ดูเหมือนว่ารู้จักกันจริงๆ และยังพบการเปิดบัญชีแอปพลิเคชันไลน์ เฟซบุ๊ก และแอปพลิเคชันหาคู่ แชตกับเหยื่อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมกว่า 100 คนอีกด้วย