- 26 ส.ค. 2564
รอง ผบช.ภ.6 เล่าครั้งสุดท้ายที่เจอตัวผู้กำกับโจ้ ผบช.ภ.6 ฝากมาชี้แจง ผกก.โจ้ไม่ใช่คนในครอบครัว แค่คนรู้จักเข้ามาจีบลูกสาว"ใบเตย พรพจี"
ความคืบหน้ากรณีผกก.โจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล เเละพวก รีดเงิน2ล้านจากผู้ต้องหา ซึ่งได้มีการออกหมายจับ ผกก.โจ้ พร้อมพวกรวม 7 คน เเละล่าสุดเมื่อวันที่ 25ส.ค.64 เจ้าหน้าที่สามารถติดตามควบคุมตัว ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ผบ.หมู่(ป)สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้เป็นรายที่5 ทำให้ตอนนี้เหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2รายที่ยังหลบหนี 1ในนั้นคือผู้กำกับโจ้ เเละ ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา รอง สวป.สภ.เมืองนครสวรรค์
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทาง พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ระบุว่า เราเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขออภัยพี่น้องประชาชนในเรื่องนี้ ขอยืนยันว่า ตำรวจภูธรภาค 6 จะทำการสอบสวน และดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทุกรายตามกฎหมาย เราได้แจ้งพรมแดนรอยต่อประเทศเพื่อนบ้าน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อสกัดการหลบหนี
(พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ)
เชื่อว่าผู้ที่หลบหนียังอยู่ในประเทศไทย เราเชื่อว่าอีกไม่นาน รอง ผบช.ภ.6 ระบุว่า เราเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขออภัยพี่น้องประชาชนในเรื่องนี้ ขอยืนยันว่า ตำรวจภูธรภาค 6 จะทำการสอบสวน และดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทุกรายตามกฎหมาย
(พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6)
พร้อมกันนี้ รอง ผบช.ภ.6 ขออนุญาตเป็นตัวแทนของ พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ฝากให้ชี้แจงว่า ผกก.โจ้ ไม่ใช่ญาติในตระกูลของท่านผู้บัญชาการ เป็นแค่คนรู้จัก และมาชอบ ใบเตย พรพจี ศิริสิทธิ์ ลูกสาวของท่านผู้บัญชาการเท่านั้น ไม่เคยเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของท่านผู้บัญชาการ แค่มาคบหาเป็นเพื่อนสนิท มาจีบ นอกนั้นยังไม่มีความสัมพันธ์อื่นใด เชื่อว่า หลังจากเกิดเหตุ ลูกสาวของท่านก็คงยุติความสัมพันธ์ และท่านผู้บัญชาการได้มอบหมายให้ตนมาชี้แจงสื่อมวลชนว่า จะไม่ใช้อำนาจหน้าที่ หรือตำแหน่ง มาก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม ใครทำผิดก็เป็นไปตามกฎหมาย
วันนี้สิ่งที่ ตร. มอง เขาคือโจรที่เอาเครื่องแบบตำรวจมาใส่ แล้วฆ่าพี่น้องประชาชนเสียชีวิต โดยไม่กลัวกฎหมายบ้านเมือง กระบวนการสอบสวน จะดำเนินคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา มีโทษถึงประหารชีวิต ส่วนการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกการปล่อยตัว ทางสำนักงานจเร และตำรวจจะได้มีการสอบสวนเพิ่ม เกี่ยวกับข้อกังวลว่า ผกก.โจ้ รู้จักตำรวจกว้างขวาง อาจได้รับการช่วยเหลือ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ระบุว่า ตำรวจก็เป็นประชาชน เมื่อทำผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกลงโทษเช่นเดียวกัน เมื่อตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมาย เมื่อทำผิด ก็ต้องมีบทลงโทษที่แรงกว่าประชาชนทั่วไป วันนี้ตำรวจภูธรภาค 6 ร่วมกับจเรตำรวจ จะยศอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทำผิดต้องถูกดำเนินการทั้งหมด
"ต้องขอบคุณคนปล่อยคลิป เพื่อเราจะได้ถอนรากถอนโคนกระบวนการผิดกฎหมายเช่นนี้ และยืนยันว่าเราจะคุ้มครองผู้ที่ปล่อยคลิปเป็นอย่างดี"
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ระบุว่า จะด้วยเหตุผลอะไร ผลประโยชน์จูงใจหรือไม่ ก็มีโทษประหารชีวิต ขณะนี้เราแยกพนักงานสอบสวนเป็น 4 ทีม พร้อมจัดทนายให้ตามกฎหมาย การจะให้การอย่างไร เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่หน้าที่ของพนักงานสอบสวน คือรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนที่สุด เพื่อส่งให้ศาลพิพากษาลงโทษอย่างสาสมตามกฎหมายในความผิดที่กระทำ เมื่อถามถึงกรณีที่มีการอ้างว่า พ.ต.อ. ไปเคลียร์กับพ่อผู้เสียชีวิต พล.ต.ต.เอกรักษ์ ระบุว่า พนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนในประเด็นนี้ เอามาอยู่ในสำนวนการสอบสวนด้วย เกี่ยวกับใบชันสูตรการเสียชีวิต และแพทย์ที่ออกใบชันสูตร
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ระบุว่า พนักงานสอบสวนต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถึงสาเหตุการตาย และใบชันสูตรพลิกศพ อันเป็นสาระสำคัญของความจริงในคดีนี้
เมื่อถามว่าครั้งสุดท้ายที่เจอตัว ผกก.โจ้ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผกก.โจ้ ได้เข้ามาลงชื่อปฏิบัติงานที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 หลังจากนั้นวันจันทร์ ไม่มารายงานตัว เจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกว่าขาดราชการในวันจันทร์ และอังคาร ก่อนที่วันพุธ จะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน มีโทษทางวินัยคือ การขาดราชการไป 2 วัน เราจึงไม่ทราบเบาะแสว่าไปที่ไหน แต่ขณะนี้ ภาค 6 กำลังระดมกำลังติดตามหาตัวอย่างสุดความสามารถ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี
ขอบคุณ
งานชุมชน มวลชน และประชาสัมพันธ์ ตำรวจภูธรภาค 6
nationonline