- 06 ก.ย. 2564
ไลฟ์สดทำพระผู้ใหญ่ไม่ปลื้ม ห่วงอนาคตในวงการคณะสงฆ์ของพระสงฆ์ทั้ง 2พส. คือพระมหาไพรวัลย์ เเละพระมหาสมปอง
จากกรณีที่ทาง 2พระวัดสร้อยทอง คือ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ กับ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ขวัญใจชาวไทย ได้ทำการไลฟ์สดผ่านเพจ ซึ่งมียอดวิวถล่มทลายคนดูไลฟ์กว่า2เเสนวิว จนกลายเป็นกระเเสในโลกออนไลน์ ตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของพระทั้ง2รูป ล่าสุดก็ได้มีทางพระผู้ใหญ่ออกมาพูดถึงการไลฟ์สดดังกล่าวเเล้ว
โดยเมื่อวันที่ 5ก.ย.64 พระเทพปฏิภาณวาที หรือ เจ้าคุณพิพิธ วัดสุทัศนเทพวรารามฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พระมหาไพรวัลย์ และ พระมหาสมปอง ออกมาไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊ก และมีผู้รับชมมากกว่า 2 แสนคน ว่าวิธีการดังกล่าวเป็นการดำเนินการ แนวใหม่ แต่ย่อมมีทั้งคนชอบ และไม่ชอบ ที่แน่ๆ พระผู้ใหญ่ไม่ปลื้ม ส่วนตัวจึงรู้สึกห่วงใยอนาคตในวงการคณะสงฆ์ของพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป เนื่องจากมีความรู้ดีทั้งคู่ พรรษาเกิน 10 ต่อไปต้องเติบโต ถ้าให้แนะนำ ควรปรับโดยใช้หลักธรรมทางพุทธศาสนาและพระพุทธวจนะเป็นแกนหลัก ส่วนมุขตลก หรือแก๊ก เป็น 1 ใน 4 ของหลักการเทศน์อยู่แล้ว
หลักการเทศน์ของพระสงฆ์ หลักการคือ 1.ให้เกิดปัญญา 2.ให้กล้าปฏิบัติ 3.ให้กำจัดความชั่ว 4.ให้กลั้วเสียงหัวเราะ ซึ่งเป็นประเด็นท้าย อย่างไรก็ตาม หัวข้อที่พูดคุย ถ้าเน้นหัวข้อธรรมะเป็นแกนกลาง มีพระพุทธพจน์ มีปุจฉา วิสัชนา ซึ่งมีได้หลายอารมณ์
พระมหาไพรวัลย์ และ พระมหาสมปอง เป็นน้อง อาตมารักและห่วงใย ถือเป็นพระเถระ พรรษามากกว่า 10 อยากรักษาทั้ง 2 รูปนี้ไว้ เพราะเป็นพระที่มีความรู้ดี จบปริญญา แต่ถ้าปรับเปลี่ยนให้เข้ากระบวนการ 4 อย่างของการแสดงธรรมมาตรฐาน ตลกนิดๆ สาระเยอะกว่า เข้าประเด็น จะได้ไม่มีใครมาว่าได้ในประเด็นไม่ถูกสมณสารูป เพราะทั้ง 2 จะต้องเป็นพระผู้ใหญ่ในอนาคต พระผู้ใหญ่หลายรูปมาเปรยกับอาตมา พระผู้ใหญ่ไม่ปลื้มเลย ไปลองถามๆ ดูก็ได้ อาตมาเป็นห่วงว่าทั้ง 2 จะไม่มีอนาคตในวงการคณะสงฆ์ ขนาดการเมืองนิดๆ หน่อยๆ ที่อาตมาพูด ยังร้อนระอุ อาตมาเคยโดนตำหนิมาก่อนแล้ว" เจ้าคุณพิพิธกล่าว
ในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทาง นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และโฆษก พศ. เปิดเผยถึงกรณี พระมหาไพรวัลย์และพระมหาสมปอง ไลฟ์สนทนาแบบสอดแทรกมุกตลกเฮฮานั้น สำนักพุทธฯ มองว่าเป็นการเหมาะสมหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ หรือเจ้าอาวาส ที่เป็นผู้บังคับบัญชาขั้นต้นของพระทั้ง 2 รูป อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 บัญญัติไว้ชัดเจนในมาตรา 38 ว่า เจ้าอาวาสมีหน้าที่อบรมบ่มนิสัยบรรพชิตและคฤหัสถ์ ให้ตั้งอยู่บนความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และหากบรรพชิตและคฤหัสถ์ไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสสามารถขับไปเสียจากวัดได้
ขอบคุณ
มติชน