- 08 ก.ย. 2564
เกิดเหตุไฟไหม้บ้านไม้ 2 ชั้นย่านเจริญนคร 39 ลุงเกษียณกินบำนาญอยู่บ้านขาไม่ดีออกไม่ทัน เสียชีวิตคาที่
เมื่อเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุ ภายในซอยเจริญนคร 39 แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พบเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น บ้านเลขที่ 1 อยู่ด้านหลังโกดังเก็บของ ร้านเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเพลิงอยู่ระหว่างลุกไหม้ เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ลามไปในโกดังข้างเคียง เพื่อเพลิงสงบลง เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบพบกับร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย อยู่ในบ้านไม้ชั้นล่าง ทราบชื่อต่อมาชื่อนาย วิทยา เจียมสากล อายุ 60 ปี เป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว แล้วยังพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรน่า สีบอล์นเงิน ทะเบียน ภร9376 กรุงเทพมหานคร เสียหายด้านหลัง 1 คัน
สอบถามจากนาง เพ็ญศิริ แซ่ตัน อายุ 75 ปี อยู่บ้านข้างๆกันห่างกันประมาณ 3 หลัง ตอนเกิดเหตุตนอยู่บนบ้านชั้น 2 ตนได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด ตนจึงออกมาดูที่นอกระเบียง ก็เห็นควันขึ้นมาจากบ้านหลังนี้ เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น หลังโกดังของร้านเฟอร์นิเจอร์ไว้เก็บของ ตนจึงตะโกนบอกชาวบ้านว่า ไฟไหม้บ้านตาอู๊ด ไฟไหม้บ้านตาอู๊ด แกจะเป็นคนพิการอยู่ในบ้าน แกเกษียณมาแล้ว แกชอบด่าเมียแกประจำ เมียแกออกจากบ้านไปเมื่อเช้า จะมาเป็นพักๆ ไม่ได้อยู่ประจำ เพราะมาทีแกก็จะด่า
ส่วนทางนาย สรศักดิ์ รัศมี อายุ 27 ปี เป็นหลานของผู้เสียชีวิต บอกเล่าว่า ตนพักอาศัยอยู่อีกบ้านนึงซึ่งอยู่ใกล้ๆกันอีกซอยนึง แต่ก็จะแวะเวียนมาดูเรื่อยๆ ปกติลุงแกจะพักอยู่คนเดียว ป้าจะไปๆมาๆ ลุงแกไม่ได้ทำงานแล้ว กินบำนาญ ขาแกไม่ค่อยดี เดินไม่ไหว แต่ก็ทะเลาะกับป้าบ่อย ไม่รู้ว่าเมื่อเย็นป้าเข้ามาหรือป่าว
ส่วนทาง นาย สิทธิพร แสงจันทร์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านฝั่งตรงข้าม เห็นไฟไหม้ที่บ้านหลังนี้ ตนจึงวิ่งไปเขย่าประตูเรียกคนในบ้าน แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับหรือมีใครออกมาเลยตนจึงขับรถออกไปข้างนอก เพื่อไปตามหาคนมาช่วยดับ ก่อนเกิดเหตุเห็นป้าเดินออกจากบ้านไป แต่ป้าไม่ได้พักอยู่บ้านหลังนี้ มีลุงแกพักอยู่คนเดียว ป้าจะไปๆมาๆ แต่ก็ไม่รู้สาเหตุว่าไหม้เพราะอะไร
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เก็บบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน และสอบถามข้อมูลจากคนเห็นเหตุการณ์และเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เข้าตรวจสอบชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต ก่อนจะส่งมอบให้กู้ภัยนำร่างส่งสถาบันนิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อให้ญาติมาติดต่อขอรับกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป