- 10 ก.ย. 2564
ราชทัณฑ์ แจ้งแล้ว กรณีผู้คุมกว่า 10 คนรุมผลัก "เพนกวิน" ล้มหัวฟาดพื้น
10 กันยายน 2564 นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ ขอชี้แจงถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อโซเชียลว่า เพนกวิน ถูกผู้คุม กว่าสิบคนผลักล้มหัวฟาดพื้น โดยระหว่างที่จะพาตัวเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ออกจากโรงพยาบาลในช่วงที่ทนายกำลังจะเข้าเยี่ยม เพนกวินจึงขอรอพบทนายก่อนแต่ผู้คุมไม่ยอม ผู้คุมกว่าสิบคนเข้ามาล็อกตัวและพยายามลากเพนกวินออกไป ทั้งยังผลักเพนกวินล้มหัวฟาดพื้น โดยบอย ธัชพงศ์ แกดำ ที่อยู่ในเหตุการณ์พยายามเข้าไปช่วย แต่กลับโดนผู้คุมใช้กำลังพร้อมกับด่าว่า “อย่าเสือก”
จากกรณีดังกล่าว กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานข้อเท็จจริงจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ ทีมแพทย์และพยาบาลของทัณฑสถานโรงพยาลราชทัณฑ์ได้เข้าตรวจร่างกายผู้ต้องขังทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายภาณุพงศ์ จาดนอก และนายชาติชาย แกดำ โดยอาการทั่วไปปกติดี และแพทย์ได้ลงความเห็นว่าหายจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว
จากนั้น นายพริษฐ์ฯ และเพื่อนได้โต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ แสดงออกถึงความไม่ต้องการที่จะถูกส่งตัวกลับไปยังเรือนจำปกติ ซึ่งเจ้าตัวไม่ยินยอม ให้เจ้าหน้าที่อธิบายรายละเอียดถึงความจำเป็นและนำรถเข็นมารับ แต่นายพริษฐ์ฯ ก็ยังใช้กำลังขัดขืนไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งที่ชอบ ด้วยกฎหมาย เจ้าพนักงานเรือนจำจึงได้ช่วยกันคุมตัวนายพริษฐ์ฯ ขึ้นรถเข็นโดยไม่มีการทำร้ายร่างกายตามที่มีการ กล่าวอ้าง ต่อมานายพริษฐ์ฯ ได้เข้าพบทนายตามปกติ
จากนั้น ในเวลา 12.30 นาฬิกา เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องขังทั้ง 3 ราย ส่งตัวกลับไปคุมขังยังเรือนจำอำเภอธัญบุรี โดยขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่แดน 2 ห้องควบคุม 3/6 ที่ได้มีการฆ่าเชื้อทำความสะอาดเพื่อป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นห้องเดียวกับนายพรหมศร ธรรมจารี โดยทั้งหมดต้องถูกแยกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อสังเกตอาการผู้ที่หายจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมมีทีมแพทย์พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด
นายธวัชชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องขังทั้งหมดมีสุขภาพร่างกายปกติดี มิได้เกิดเหตุการณ์ตามที่เป็นข่าว และไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดผลักให้นายพริษฐ์ฯ ล้มศีรษะฟาดพื้นตามที่กลุ่มทางการเมืองสร้างกระแสข่าวแต่อย่างใด จึงขอเตือนพี่น้องประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน พร้อมทั้งขอยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง