- 12 ก.ย. 2564
รองโฆษก ตร.ชี้แจงกรณี ข่าวปลอมรถจีโน่ คฝ.ฉีดน้ำใส่รถยนต์พลิกคว่ำแยกดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต
เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ANSCOP) ได้ตรวจสอบพบข้อมูลข่าวปลอม 1 กรณีคือ กรณีที่ปรากฎข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำ ที่บริเวณหน้ากรมดุริยางค์ทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต ว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน หรือ คฝ.และเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ
ซึ่งกรณีดังกล่าวจากการตรวจสอบกับ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ
โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 เวลาประมาณ 20.10 น. ผู้ประสบอุบัติเหตุได้ขับรถยนต์ยี่ห้อเรนจ์โรเวอร์สีดำ มาจากซอยพหลโยธิน 64 เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านพักย่านสาทร โดยขับมาตามถนนวิภาวดีรังสิต(ขาเข้า) ช่องทางหลัก
เมื่อมาถึงบริเวณก่อนถึงด่านเก็บเงินดินแดงประมาณ 200 เมตร ในช่องทางที่ 2 จากซ้าย รถยนต์ที่ขับอยู่ด้านหน้าประมาณ 3 คัน ได้เบรคกะทันหัน เนื่องจากมีบุคคลซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มผู้ชุมนุม 2 คน วิ่งตัดหน้ารถ โดยวิ่งมาจากทางถนนวิภาวดีรังสิต(ขาออก) ข้ามเกาะกลางถนนมา ทำให้ผู้ประสบอุบัติเหตุไม่สามารถเบรครถยนต์ได้ทันจึงได้ทำการหักรถหลบไปยังด้านซ้าย ทำให้รถยนต์เสียหลัก และเฉี่ยวชนกับแบริเออร์พลิกคว่ำอยู่ที่บริเวณดังกล่าวในช่องทางที่ 1 จากซ้าย จากนั้น ผู้ประสบอุบัติเหตุ ได้คลานออกมาจากรถ และได้มีชายไม่ทราบชื่อ จำนวน 5 คน ซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมเช่นกัน ได้พาผู้ประสบอุบัติเหตุไปยังด้านถนนวิภาวดีรังสิต(ขาออก)
ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมกลุ่มกันอยู่ โดยข้ามเกาะกลางถนนไป แต่ในขณะนั้นเอง ผู้ประสบอุบัติเหตุได้เห็นว่ารถยนต์ของตนเกิดไฟไหม้ จึงได้แจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการประสานรถฉีดน้ำเข้ามาฉีดดับเพลิงให้รถยนต์คันดังกล่าว จึงทำให้ไฟดับลง จากนั้นผู้ประสบอุบัติเหตุจึงได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน
ซึ่งอยู่ในบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต(ขาเข้า) แล้วจึงได้รออยู่ในบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. พนักงานสอบสวนจึงได้มาตรวจที่เกิดเหตุ และพาผู้ประสบอุบัติเหตุ มายังศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต/ทางพิเศษ ส่วนอาการบาดเจ็บ เบื้องต้นไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก มีเพียงรอยขีดข่วนที่ต้นแขนซ้าย ที่เกิดจากของกระจกบาด ขณะคลานออกจากตัวรถเท่านั้น
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อีกทั้งขอให้ใช้ความระมัดระวังพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้อง
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง