รองผบช.น. ขีดเส้น จัดการม็อบดินแดงให้จบภายในเดือนตุลาคม

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่กองบัญการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. โฆษกบช.น. เปิดเผยสถานการณ์การชุมนุมว่า กรณีที่มีการนัดหมายชุมนุมผ่านช่องทางออนไลน์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 12 ก.ย. 2564 จะมีการรวมตัวกันก่อความวุ่นวายคือ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ นัดหมายเวลา 17.30 – 20.30 น. ได้ประกาศยกระดับการปะทะที่สามเหลี่ยมดินแดง และกลุ่มทะลุแก๊ส ยังไม่ทราบเวลานัดหมาย ที่แยกดินแดง บช.น.ขอเตือนว่า กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การชุมนุมหรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรค จะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 10 ลง 31 ส.ค.64 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ อีกส่วนหนึ่ง

 

 

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า จากการชุมนุมในวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา มีการจัดกิจกรรม 2 กลุ่มหลักๆ คือ  

1.กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เวลา 14.50 น. ได้มายื่นหนังสือถึงสมเด็จพระสังฆราชที่วัดราชบพิธฯ ไม่มีเหตุรุนแรง

และ 2.กลุ่มทะลุแก๊ส ที่บริเวณแยกดินแดง เริ่มรวมตัว 17.30 น. มีการละเมิดกฎหมาย ขว้างปาสิ่งของ ยิงหนังสติ๊ก ลูกแก้ว ประทัดยักษ์ พลุไฟ ระเบิดต่างๆ อาทิ ระเบิดแสวงเครื่อง ที่มีความรุนแรงมากขึ้น บริเวณหน้ากรมดุริยางค์ทหาร มีการนำแผงเหล็กมาปิดการจราจร จุดไฟเผาทรัพย์สินต่างๆ ใต้ทางด่วน เป็นเหตุให้ประชาชนในละแวกดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน และเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่สัญจรผ่านไปมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประกาศเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุม ให้ยุติการกระทำและออกจากพื้นที่หลายครั้ง แต่กลุ่มฯ ไม่ยอมเชื่อฟังและยังคงก่อความวุ่นวายต่อเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย 

 

 

"จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.15 น. เจ้าหน้าที่จึงต้องบังคับใช้กฎหมายและผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน บริเวณแยกดินแดง เข้ารับการรักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจ 1 ราย ทั้งนี้ได้จับกุมผู้กระทำความผิดดังกล่าว จำนวน 52 คน ชาย 40 คน หญิง 12 คน เยาวชน 9 คน และต่างด้าว 2 คน ดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิกฯ และร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยมีอาวุธฯ หรือความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง" รองผบช.น. กล่าว

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ทาง บช.น. จะดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ความรุนแรงและก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งหากเยาวชนได้กระทำความผิด ผู้ปกครองอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ด้วยเช่นกัน 

 

 

กรณีมีบุคคลมีที่ถูกจับดำเนินคดีเป็นคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชานั้น ถูกจับกุมดำเนินคดีนี้ข้อหา ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯ และข้อหามั่วสุมก่อความวุ่นวายฯ  ในทางปฏิบัติ บุคคลดังกล่าวจะต้องถูกส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และเนื่องจากบุคคลนั้นกระทำผิดในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทย จะได้พิจารณาออกคำสั่งให้เนรเทศผู้นั้นออกไปนอกราชอาณาจักร อีกทั้งยังจะมีรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง  ซึ่งหมายความว่าบุคคลนั้นจะไม่สามารถขออนุญาตกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งแต่เดือนก.ค. 2564 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 203 คดี มีผู้ต้องหาทั้งหมด 754 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 509 คน

ส่วนการปฏิบัติหน้าที่มีความรุนแรงบริเวณแฟลตดินแดง มีการอ้างเจ้าหน้าที่ถีบล่วงลงมาทะลุหลังคานั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคฝ. ไล่ตามถีบเด็กลงมามีหลังคาทะลุลงมา มีการใช้ภาพเตียงนอนข้างเตียงมีเศษแก้วเศษกระจกสีชาเท่านั้น จากการตรวจสอบไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ถีบเด็กลงมาแต่อย่างใด กรณีดังกล่าวจะให้บช.สอท. ตรวจสอบกรณีนำเข้าข้อมูลเป็นเท็จ ยืนยันว่า กรณีดังกล่าวไม่มีเด็กตกลงมาแต่อย่างใด ส่วนมีเด็กตกลงมา 4 คนเจ้าของบ้านยืนยันนั้น ต้องตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันว่ามีแค่วัตถุตกมาจากหลังคาแค่นั้น 

 

 

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังยอมรับว่า ตำรวจจะพยายามควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแยกดินแดง ให้จบลงโดยเร็วที่สุด แต่บางครั้ง การบังคับใช้กฎหมายอย่างรุนแรง อาจจะทำให้สถานการณ์บานปลาย ซึ่งตำรวจจะพยายามใช้วิธีการที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบ รวมไปถึง ผู้ที่ขับขี่รถยนต์ผ่านบริเวณแยกดินแดงได้รับอันตราย ซึ่งทั้งหมดนี้จะพยายามให้เกิดความสงบได้ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจคฝ.เข้าไปบริเวณแฟลตดินแดงหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคฝ. ได้เข้าไปชั้นล่าง พี่น้องประชาชนให้ข้ออมูลตำรวจเป็นอย่างดี ปิดประตูบ้านเรือไม่ให้ใช้แฟลตดินแดงก่อ้หตุผลักดันผู้กระทำผิดออกมาทำให้จับกุมตัวได้หลายคน ส่วนจะมีการปรับเปลี่ยนแผนหรือไม่ ผบ.ตร. ให้ความห่วงใหญ่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย โดยเฉพาะตำรวจถูกระเบิดขว้างมาบริเวณใบหน้า คือ  ส.ต.ต.ธนาวุฒิ จิรคเชนทร์ อายุ 28 ปี สังกัด ผบ.หมู่.บก.อคฝ. ได้รับบาดเจ็บจากการถูดประทัดปาใส่หน้าด้านขวา ทำให้มีแผลฉีกขาดที่บริเวณหน้าและตาขวา ขนาดประมาณ 15x15 เซนติเมตร พบมีเลือดออกในสมอง, กระดูกเบ้าตาด้านขวาแตก มีแผลฉีกขาดบริเวณใบหน้าและตาขวา จึงเน้นเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อุปกรณ์ป้องกันและยุทธวิธี และการใช้กฎหมาย อุปกรณ์เป็นเครื่เงป้องกันแต่ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย การถูกอาวุธปืนหรือระเบิด อุปกรณ์ป้องกันได้แค่ระดับนึงเท่านั้น 

ส่วนการยกระดับความรุนแรงนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เน้นความปลอดภัยตำรวจ พี่น้องประชาชน ผู้ถูกจับกุมต้องได้รับความปลอดภัย ก่อผลกระทบให้น้อยที่สุด ส่วนจะเข้าพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องแฟลตดินแดง ตำรวจพูดคุยมาโดยตลอดประกาศแจ้งเตือน  ส่วนใหญ่อยากให้ปัญหาจบลง ส่วนจะจบในอาทิตย์นี้หรือไม่ จะต้องทำให้ปัญหาดังกล่าวจบลงโดยเร็วที่สุด การก่อเหตุดังกล่าวมีแต่การสร้างปัญหา หน้าที่ตำรวจจะทำให้ปัญหาดังกล่าวหมดไปโดยเร็วที่สุดตามกรอบกฎหมายที่มีอยู่