- 22 ก.ย. 2564
พระหนุ่มตั้งตัวเป็นครูบา บอกปัดเป็นจอมขมังเวทย์ อ้างแค่ทำเล่นให้โยมเพื่อนสาว
หลังจากที่โลกออนไลน์สะพัดแฉพระหนุ่มรายหนึ่ง ที่บรรดาลูกศิษย์ต่างเรียกว่า "ครูบา ต." ทั้งๆ ที่อายุเพิ่งแค่ 20 กว่าๆ ได้ทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ลง นะหน้าทอง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า พระสงฆ์ดังกล่าวเป็นพระลูกวัดปันเสา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เคยที่ตกเป็นข่าวโด่งดังเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กับกรณีพระฉันหมูกระทะ
นอกจากนี้จากข้อมูลพบว่า พระหนุ่มดังกล่าวชื่อ พระตั้ว และจำวัดอยู่ที่วัดแห่งนี้ ซึ่งพระมหาสง่า ธีรสังวโร เจ้าอาวาสวัดผาลาด ที่ได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาสวัดปันเสา ได้เผยว่า ในเรื่องดังกล่าวหลังจากที่ตกเป็นข่าว ได้มีการตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบแล้วและได้พูดคุยกับพระรูปดังกล่าวที่เป็นต้นเรื่องแล้ว
พร้อมกันนี้ พระมหาสง่า ธีรสังวโร ยังได้ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งพระรูปนี้บวชที่กรุงเทพเมื่อปีที่ผ่านมายังไม่ครบ 2 ปี แต่ช่วงต้นปีที่แล้วได้ ขอมาจำพรรษาอยู่ที่วัดปันเสาแห่งนี้ โดยมีพระที่เป็นเพื่อนกันชักชวนมาอยู่ด้วย กระทั่งเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้มีโยมเพื่อนสาว ที่เดินทางมาจากกรุงเทพ เดินทางมาหาตรงกับวันเกิดของโยมเพื่อนด้วย
โดยเพื่อนทราบมาว่า ตั้งแต่ก่อนที่จะบวชพระรูปนี้ ได้เคยไปศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์ความรู้เรื่องเครื่องรางของขลังและการทำพิธีเกี่ยวกับเมตตามหานิยมตามความเชื่อ จึงได้ขอให้พระเพื่อน ได้ช่วยทำให้ซึ่งพระรูปนี้เองก็ตั้งใจทำให้เล่นๆ และที่ทำไม่ได้ทำนะหน้าทอง แต่ทำเป็นลักษณะติดทองให้มากกว่า โดยเฉพาะภาพที่ติดทองทั่วหน้าตามปกติแล้วก็ไม่เคยพบเรื่องการลงนะหน้าทองทั้งหน้าแบบนี้ แล้วถ่ายรูปกัน
จากนั้นโยมเพื่อนสาว ได้นำภาพมาโพสต์ลงโลกออนไลน์จนกลายเป็นเรื่อง ยืนยันว่าไม่ได้ทำเรื่องนี้เป็นกิจวัตรหรือตั้งตัวเป็นเกจิทำเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งทางคณะกรรมการเองก็รับฟังคำชี้แจง และได้ตำหนิติเตือนและทำการคาดโทษทำทัณฑ์บนไว้ก่อน เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยความเป็นเพื่อน และด้วยพรรษาที่บวชไม่นานจึงอาจจะยังไม่เคร่งเรื่องของพระธรรมวินัยมากนัก
ซึ่งช่วงนี้ก็ยังให้จำพรรษาที่วัดปันเสาต่อไปจนถึงช่วงออกพรรษา ประกอบกับช่วงนี้อยู่ในช่วงจำพรรษาของพระ จึงได้ให้จำวัดนี้จนกว่าจะหมดช่วงเข้าพรรษา ค่อยว่ากันใหม่เรื่องการที่จะดำเนินการต่อไปอย่างไร อีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความผิดวินัยสงฆ์ถึงขั้นปราชิก ก็อยู่ที่การพิจารณาตนเองเป็นสำคัญด้วย
ด้าน สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วเช่นกันโดยแจ้งว่าขอเวลาทำการสอบสวนก่อน ขณะเดียวกัน พระตั้ว ก็ได้หายออกจากวัดไปโดยไม่ทราบว่าไปที่ใด โดยพระลูกวัดปันเสารูปหนึ่ง เปิดเผยว่า พระตั้วได้มาขอจำวัดอยู่ที่วัดแห่งนี้ในช่วงเข้าพรรษา ตั้งแต่เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ทว่าไม่ทราบว่าบวชมาตั้งแต่เมื่อไรและเคยจำวัดอยู่ที่ใดมาก่อน ขณะที่ตลอดเวลาที่อยู่ที่วัดแห่งนี้พระตั้วไม่ได้สุงสิงกับพระรูปอื่นในวัด และไม่ค่อยมาร่วมปฏิบัติกิจของสงฆ์ในวัดด้วย ส่วนการเปิดกุฏิเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ตามที่เป็นข่าวนั้น ส่วนตัวไม่ทราบ และไม่เคยเห็น ทั้งนี้ ภาพที่ปรากฏมีการลงนะหน้าทองบริเวณหน้าอกของหญิงสาวนั้น เห็นว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งและไม่ใช่กิจของสงฆ์
อย่างไรก้ตาม จากนี้จะมีการลงโทษอย่างไรและให้อยู่ที่วัดต่อไปหรือไม่นั้น ต้องเป็นการพิจารณาตัดสินใจของรักษาการเจ้าอาวาสว่าจะเป็นอย่างไร