- 16 ต.ค. 2564
เปิด 2 ข้อหาหนักมือตัดเชือกช่างทาสี ขณะนี้ยังไม่ยอมมาพบตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงเตรียมตัวออกหมายเรียกเพื่อมาให้ปากคำ
วันที่ 16 ตุลาคม 2564 ความคืบหน้ากรณีมือปริศนาแอบตัดเชือกช่างทาสีขณะโรยตัวซ่อมผนังคอนโดใกล้ห้าแยกปากเกร็ด จ.นนทบุรี จนช่างทาสีไม่สามารถทำงานต่อได้เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นอันตราย และได้ขอความช่วยเหลือห้องของคุณไนซ์ผู้พักอาศัยอยู่ในคอนโดชั้น 26 ขอปีนเข้าระเบียงห้องเธอเพื่อผ่านลงไปชั้นล่าง จนกลายเป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้
โดยเบื้องต้นช่างทาสีเล่าว่าขณะโรยตัวทำงานอยู่รู้สึกว่าเชือกหนักๆจึงก้มลงไปดู ประมาณชั้นที่ 21 เห็นมือคนโผล่จากระเบียงยื่นมือมาตัดเชือกที่พวกเขาใช้โรยตัวยึดเกาะขณะทำงานจนไม่กล้าทำงานต่อต้องค่อยๆเคาะเรียกแต่ละห้องเพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่หลายห้องผ่านไปก็ไม่มีใครอยู่จนมาเจอห้องของคุณไนซ์ ซึ่งคุณไนซ์บอกว่าที่ถ่ายคลิปไว้ตั้งแต่แรกก็ไม่ได้กะว่าจะเป็นข่าวดังแต่ถ่ายไว้เพื่อเซฟตัวเองเช่นกันเพราะก็ไม่รู้ว่าช่างพูดจริงไหม แต่กลายเป็นว่าคลิปนี้ดังออกไปและเธอเองก็กลายเป็นพลเมืองดีและรู้สึกดีที่ตัดสินใจช่วยเหลือช่างเหล่านั้น
และก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้ามีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันตัวมือตัดเชือกช่างทาสีขณะโรยตัวซ่อมคอนโดแล้ว โดยผกก.สภ.ปากเกร็ด ยืนยันเองแต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับ แต่ยังไม่บอกข้อหา
ในขณะที่คุณไนซ์เจ้าของคลิปได้ออกมาเผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าคนที่ทำนั้นเป็น"ผู้หญิงแต่งตัวดี" ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร โดยข้อมูลนี้ทราบมาจากหัวหน้างาน
ต่อมาช่วงบ่ายวันที่ 16 ตุลาคม 2564 มีความคืบหน้าล่าสุดพล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชระมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เดินทางมาที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี โดยเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในการติดตามตัวคนก่อเหตุ มาเพื่อประชุมและสอบถามความคืบหน้าในเรื่องคดี โดยใช้เวลากว่า 1 ชม.
ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ สอบผู้เสียหายและพยานไปหลายปากแล้ว พร้อมทั้งเน้นย้ำให้สอบสวนอย่างรัดกุม โดยทางพนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายเรียกบุคคลต้องสงสัยมาให้ปากคำ หลังจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาให้ปากคำแล้ว แต่ผู้ต้องสงสัยไม่ให้ความร่วมมือ
แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าบุคคลต้องสงสัยรายนี้เป็นใคร แต่ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากกว่านี้ ยืนยันว่าสามารถเอาผิดในการดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน
พล.ต.ต.ไพศาล กล่าวต่อว่า "ในส่วนของผู้ก่อเหตุนั้นเข้าข่ายในความผิด 2 ข้อหาที่ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน คือข้อหาพยายามฆ่า และทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีอัตราโทษสูง"