รวบลูกสาวเเสบ ฉวยโอกาสพ่อเเท้ๆใช้ไปเอารถ ขโมยไปขายจำนำ

พ่อโร่เเจ้งความรถหาย สุดท้ายความจริงเปิดเผย ฝีมือลูกสาวสุดแสบ ขโมยรถพ่อไปขาย สารภาพต้องการใช้เงิน

 

   กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.อภิชาติ อินยอด สว.กก.6 บก.ป., ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์  บุญทอง, ร.ต.อ.ยุทธนา  จิตจำนอง รอง สว.กก.6 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป.  ร่วมกันจับกุม นางสาวชิดชนก (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุงที่ จ. 236/2564 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ซึ่งถูกกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานหรือรับของโจร” ขโมยรถพ่อไปขาย

https://c.lazada.co.th/t/c.bee1Ni?sub_aff_id=thainews


สถานที่และเวลาจับกุม ห้องเช่า ม.5 ต.เขาเจียก อ.เมือง จ.พัทลุง วันที่  21 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 11.30 น. พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2562 นายประเสริฐฯ ซึ่งเป็นบิดาของนางสาวชิดชนกฯ (ผู้ต้องหา) ได้นำรถยนต์ของตนไปจอดไว้ที่บ้าน ม.8 ต.ป่าบอน อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ต่อมาเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2562 เวลาประมาณ 11.00 น. นายประเสริฐฯ ได้ให้ลูกอีกคนไปเอารถยนต์คันดังกล่าว แต่ปรากฎว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้หายไป และจากการตรวจสอบพบว่ากุญแจรถที่แขวนไว้ที่บ้านก็หายไปด้วย นายประเสริฐฯ จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ป่าบอน 

รวบลูกสาวเเสบ ฉวยโอกาสพ่อเเท้ๆใช้ไปเอารถ ขโมยไปขายจำนำ


จากการสืบสวนพบว่า รถยนต์คันดังกล่าวได้ไปอยู่ในความครอบครองของผู้อื่น ซึ่งรับจำนำมาอีกที โดยมีการเปลี่ยนเเปลงรถคันดังกล่าว เพื่อจะนำไปขายต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบว่า น.ส.ชิดชนกฯ เป็นผู้นำรถคันดังกล่าวมาจำนำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับ น.ส.ชิดชนกฯ ตามหมายจับดังกล่าว
  รวบลูกสาวเเสบ ฉวยโอกาสพ่อเเท้ๆใช้ไปเอารถ ขโมยไปขายจำนำ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ป. สืบสวนทราบว่า น.ส.ชิดชนกฯ ได้หลบหนีคดีมาซ่อนตัวอยู่ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ม.5 ต.เขาเจียก อ.เมือง จ.พัทลุง เจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวน.ส.ชิดชนกฯ ได้ในที่สุด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว น.ส.ชิดชนกฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าบอน  ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถาม น.ส.ชิดชนกฯ ให้การรับสารภาพว่าตนเองได้ขโมยรถยนต์ของบิดาไปขายจริง เนื่องจากต้องการใช้เงิน

https://c.lazada.co.th/t/c.bee1Ni?sub_aff_id=thainews