- 03 พ.ย. 2564
หมดคําสิเว้า ผัวทุบบ้าน ซื้อกินครั้งแรกตอนเมียเข้า รพ. ก่อนขายเมียออกสื่อ กรรชัย ต้องสั่งเบรก
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 จากกรณีข่าวดัง ที่นายต้น สามีของนางแจง เข้าไปทุบบ้านจนเละ อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านพังเละเทะ และเกือบปรี่เข้าทำร้ายลูก ล่าสุด ทั้งคุณแจง มิ้นต (ลูกคุณแจงจากสามีคนก่อน) และนายต้น ได้มาร่วมเผชิญหน้าในรายการ โหนกระแส โดยคุณแจงเผยว่าตนมีลูกสาวคือน้องมิ้นต์ วันเกิดเหตุ นายต้น สามีของคุณแจง ได้มาอาละวาดที่บ้าน ด้วยการงัดประตู เอาสว่านถอดประตูออก และอาละวาดว่าโทร. หากี่รอบ พร้อมกับใช้ค้อนทุบบ้านตัวเองจนแหลก ทั้งนี้ คุณแจงบอกว่า ที่ดินนี่เป็นที่ดินมรดกของตน ตนเอาที่ดินไปเข้าธนาคาร แล้วเอาเงินที่ได้มาปลูกบ้าน สร้างโรงจอดรถเพื่อทำธุรกิจโรงรถ ให้เช่าที่จอดรถ ส่วนนายต้นนั้นไม่ได้ลงทุนด้วย แต่ตอนที่เอาที่ไปเข้าธนาคารนั้น นายต้นต้องมาเซ็นเพื่อยืนยันว่าเป็นสามีภรรยากัน ไม่ใช่การค้ำประกันแต่อย่างใด
ตอนแรก คุณแจงจับได้ว่านายต้นไปเที่ยวสาวไซด์ไลน์ ตนเห็นไลน์เด้งในมือถือนายต้นเขียนว่า เพิ่งตื่นค่ะพี่ พอเข้าไปดูก็พบว่านายต้นลบแชตแล้ว ทว่าเมื่อไปดูในไลน์ กลับพบผู้หญิงคนอื่นเพิ่มอีกเมื่อถามนายต้น เขาก็อึกอักและยอมรับว่า ตัวเขาไปซื้อกินเดือนละครั้ง แต่พอเอามือถือมาเช็กพบว่า เขาไปซื้อกิน 10-15-20 ครั้ง (เสียงเริ่มสั่น) ทำให้คุณแจงรับไม่ได้ และที่สำคัญ เขาไปเที่ยวเสร็จก็กลับมามีอะไรกับเรา ตนประสบอุบัติเหตุเมื่อปีที่แล้ว และคาดว่าช่วยเติมเต็มเขาไม่ได้ คุณแจงยอมรับว่าโกรธ และขอหย่า เขาบอกว่าถ้าเขาออกไปเขาจะไปอยู่ไหน เขามีอารมณ์รุนแรงตั้งแต่ต้น ด้วยความรักตนก็พยายามไม่ให้เขาโกรธ พยายามยอมเขา ไม่ทำให้เขาโกรธกว่าเดิม เพราะสงสารลูกที่ต้องรองรับอารมณ์เขาเรื่องเราด้วย
ด้านมิ้นต์ เผยว่า ตนและนายต้นไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกัน แต่เวลาเจอกันเขาจะชอบเหน็บแนม พูดอะไรลอย ๆ แซะคุณแจงเล่าต่อว่า นายต้นมีพฤติกรรมขมขู่ ปืนอันแรกส่งให้ลูกสาวคนเล็ก อายุ 9 ขวบลูกรับปืนมาแล้วทำปืนหล่น แต่ตอนนั้นมันเป็นปืนที่ไม่มีกระสุน เด็กรู้สึกผิดก็มาบอกตน และบอกว่านายต้นส่งปืนให้เด็ก เพื่อให้เด็กไว้ป้องกันตัว เหตนี้คุณแจงจึงขอหย่าและออกจากบ้าน นายต้นก็ไปหยิบปืนลูกซองยาวมา ทำท่าใส่กระสุน จนลูกสาวก็กลัว คุณแจงจึงหอบลูกไปแจ้งตำรวจ และตำรวจก็ส่งสายตรวจมาดู พอสายตรวจมาถึงก็กลายเป็นว่าตำรวจกับนายต้นรู้จักกัน และเขาก็ปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้น
ด้านนายต้น ยอมรับว่า ตนไปซื้อกินเป็นสิบครั้งต่อเดือนจริง แต่ไม่ใช่ว่าไปทุกเดือน ช่วงแรกไปผิดกลิ่นก็รู้สึกว่า อร่อยดีว่ะ มันต้องมีมุมที่ไปเที่ยว (กรรชัย ส่ายหัว) ย้อนกลับไปตอนทำธุรกิจโรงจอดรถ ตนนอนที่โรงจอดรถ 9 เดือน วันหนึ่งคุณแจงบอกว่า ให้ไปซื้อกินสิ เพราะไม่มีเวลาให้ คุณต้นได้ยินก็ตกใจมาก และถามว่าทำไมแจงพูดแบบนี้ และพูดแบบนี้ 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 คือตอนที่เขานอนอยู่โรงพยาบาล จนทำให้ตนไปซื้อกินจริง ๆ ตอนนั้น
วันแรกที่เขารู้ว่าตนไปซื้อกิน เขายังนิ่งและให้โอกาส คุณแจงจัดให้ชุดใหญ่ไฟกะพริบ (คุณแจงยอมรับว่า บอกจริง ๆ เรื่องไปซื้อกิน ให้ใช้เงินตัวเอง และหากจับได้จะขอเลิก) นายต้นปฏิเสธเรื่องนี้บอกว่าคุณแจงไม่เคยพูดเรื่องขอเลิก เอาเป็นว่าในห้องน้ำโรงพยาบาล... (หนุ่ม กรรชัย ขัดขึ้นมาก่อน บอกว่าอย่าพูด เพราะเป็นเรื่องภายใน ให้เกียรติภรรยาด้วย ) ถ้าเกิดเขาทิ้งท้ายว่าจับได้แล้วเลิก คงไม่มีใครโง่แล้วไปเที่ยวหรอก (กรรชัยส่ายหัวแล้วบอกว่า "เหรอ")
ส่วนเรื่องเสพยา ทุกคนมีอดีต วันนี้ทุกคนประณามตนเรื่องเสพยา ตนยืดอกได้เลย ให้ลูกทั้ง 2 คน ให้พ่อแม่ พาตนไปตรวจยันขี้ ถ้าเจอสารเสพติด ตำรวจมาเอาตัวตนไปได้เลย แต่ถ้าไม่เจอ ให้มากราบเท้าขอโทษพ่อกับแม่ พวกที่มาพูดอย่าเป็นเกรียนคีย์บอร์ด ตนไม่ให้ราคา คนที่ตนแคร์ที่สุดคือพ่อแม่ แคร์รองลงมาคือลูกสาว ส่วนเรื่องทุบบ้านนั้น ตนยอมรับว่าโทสะมันครอบ ฟิวส์มันขาดตนยอมรับผิด แต่ในเมื่อตนขอโอกาสพิสูจน์ เขาไม่เคยขอโอกาสพิสูจน์ เข้าบ้านมามีตำรวจ มีกล้องคอยถ่ายคลิป แบบนี้มันกดดัน ถ้าตนอันตรายจริง เราอยู่กันมากี่ปี ส่วนเรื่องหย่า ตนให้หย่าได้ แต่ตนบอกเลยว่า ตนไม่ไว้ใจแจงแล้ว โดยเฉพาะเมื่อขึ้นมาบ้าน และเขียนเป็นหนังสือให้แจงเข้ามาวันเสาร์ เอาตำรวจมาเป็นพยาน แต่แจงเข้ามาวันศุกร์ และคนเรามันต้องมีมูลเหตุความไว้ใจ ไม่ไว้ใจ ส่วนคดีนั้น คุณแจงยืนยันว่าเธอรู้สึกไม่ปลอดภัย หากไปตกลงกันกับตำรวจกับทางศาลและให้เรื่องจบดี ๆ คุณต้นก็พร้อม โดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก