ช่างรับเหมาโชคร้าย รื้อถอนตึกเคยถูกไฟไหม้ ถูกแผ่นปูนถล่มทับ

สืบเนื่องจากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ตึกถล่มแถวท่าข้าม 14 ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ระหว่างการรื้อถอน โดยร่วมกตัญญูได้เร่งส่งกำลังอาสาสมัครไปตรวจสอบเหตุอาคารทรุดตัวพื้นที่สน.ท่าข้าม กระทั่งทราบต่อมาว่า  เบื้องต้นพบมีผู้เสีชีวิต 1 ราย 

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดถึงได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 4 ชั้น อดีตเคยเป็นโกดังเก็บสินค้าประเภทพลาสติก ของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าว แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างรื้อถอนเนื่องจากประสบเหตุเพลิงไหม้ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่ พบร่างนายประวิทย์ อายุ 62 ปี ช่างที่กำลังทำงานรื้อถอนอาคารอยู่ด้านหน้าชั้นล่าง ถูกแผ่นปูนถล่มลงมาทับ ในสภาพนอนหงาย สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ขายาว มีบาดแผล กระแทกที่บริเวณใบหน้าและศีรษะ จึงมอบร่างผู้เสียชีวิตให้แพทย์นิติเวช ทำการผ่าชันสูตรเพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน นายพงษ์จักรินทร์ ถาวรพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตบางขุนเทียน ได้เล่าว่า จากการตรวจสอบ ไม่พบว่าเจ้าของอาคาร ได้ยื่นขออนุญาตรื้อถอนอาคารกับทางสำนักงานเขต ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศเป็นพื้นที่ห้ามใช้อาคารไปแล้วเนื่องจากประสบเหตุเพลิงไหม้ 

โดยหลังจากนี้จะส่งตัวแทนสำนักงานเขต เข้าแจ้งความเอาผิดกับเจ้าของอาคาร ในข้อหาทำการรื้อถอนโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ส่วนเรื่องการชดใช้ค่าสินไหมให้กับผู้ตายทางพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้ดำเนินการ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้รับเหมาเข้ามารับรื้อถอน เนื่องจากอาคารแห่งนี้ เคยได้รับผลกระทบ จากเหตุไฟไหม้โรงงานทินเนอร์ที่อยู่ข้างเคียงเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนอาคารได้รับความเสียหายและทางสำนักงานเขตบางขุนเทียนมีการออกคำสั่งห้ามใช้อาคารและให้รื้อถอน 

จนเริ่มมีการจ้างบริษัทมารื้อถอน เมื่อประมาณ 3 วันก่อน ซึ่งต่อจากนี้จะให้ พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐาน และประสานสำนักงานเขต เพื่อให้เข้าแจ้งความเนื่องจากเบื้องต้นทราบว่าการรื้อถอนไม่ได้มีการขออนุญาตถูกต้องและไม่มีผู้ควบคุมงาน

นอกจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดยยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนจะประกาศเป็นพื้นที่อันตรายหรือไม่ให้ทางกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ประเมินอีกครั้ง

ภาพจาก nationtv