- 12 พ.ย. 2564
ปัญหาคำโต วัคซีนโควิด 19 พ่นจมูก ฝีมือคนไทย ส่อแววไม่ได้ไปต่อ นักวิจัยไม่มีทุน ลั่นแรงรองบรัฐบาลอาจช้าเกินไป
จากที่ก่อนหน้านี้คนไทยจะได้เห็นฝีมือคนไทยในการพัฒนาวัคซีนแบบพ่นจมูก ทว่ารายงานความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด 19 แบบพ่นจมูก "แนสแวค" ฝีมือนักวิจัยไทยจากไบโอเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นั้นดูท่าว่าจะเกิดปัญหาเสียแล้ว
แม้ความคืบหน้าล่าสุดได้ปรับปรุงสูตรรองรับการกลายพันธุ์ของเชื้อสายพันธุ์เดลตาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังติดปัญหาที่ขณะนี้ไม่มีทุนวิจัยมาสนับสนุนการการพัฒนาในเฟสต่อไปได้ จากข้อกำหนดด้านการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่ต้องรอปีงบประมาณถัดไป ซึ่งหากโครงการนี้ไม่สามารถดำเนินต่อได้ตามกรอบระยะเวลาที่วางแผนไว้ ก็อาจทำให้การพัฒนาวัคซีนโดยคนไทยตัวนี้ต้องล่าช้าออกไป และอาจต้องพับโครงการนี้ไป
สำหรับ NASTVAC คือ วัคซีนป้องกันโควิด 19 แบบพ่นจมูกตัวแรกของไทย พัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือ ไบโอเทค สวทช. เป็นวัคซีนเทคโนโลยีไวรัลเวกเตอร์ หรือไวรัสเป็นพาหะ ชนิดอะดีโนไวรัส (Adenovirus)
จากการผ่านการทดสอบทางคลินิกในสัตว์ทดลองแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา พบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมได้ถึง 100% และกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เร็วกว่าวิธีการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ป้องกันการติดและแพร่กระจายของเชื้อได้ทั้งระบบทางเดินหายใจ อยู่ได้นาน 3-6 เดือน
ซึ่งทันทีที่ไบโอเทค ประกาศความสำเร็จของวัคซีนตัวแรกเพียง 2 สัปดาห์ต่อมา ทีมวิจัยก็ได้วัคซีนสูตรสำหรับสายพันธุ์เดลตาโดยเฉพาะเพิ่มอีก 1 สูตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลในสัตว์ทดลอง ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในช่วงเดือนหน้านี้
ถึงแม้ขั้นตอนวิจัยในช่วงแรกจะมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็เห็นภาพประชาสัมพันธ์ขอรับเงินทุนสนับสนุนเพื่อการทดสอบวัคซีนโควิด 19 แนสแว็ก ถูกเผยแพร่ออกมาจาก สวทช. เพื่อระดมทุนจากทุกภาคส่วนสานต่องานวิจัยนี้
ด้าน ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผอ. กลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค สวทช. ยอมรับว่า โครงการนี้กำลังขาดทุนวิจัยและพัฒนาต่อในขั้นการผลิตวัคซีนมาใช้ทดสอบในคน ซึ่งต้องผ่านเงื่อนไขของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ขณะที่ทุนวิจัยก้อนแรกที่ได้รับจำนวน 150 ล้าน ถูกจัดสรรไปกับโครงการพัฒนาวัคซีนแบบพ่นจมูกรุ่นแรกตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเพิ่งหมดปีงบประมาณการจัดสรรจากภาครัฐ ทำให้โครงการต้องหยุดชงักไป จึงจำเป็นต้องประกาศขอรับเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนและประชาชน เพื่อไม่ให้โครงการล่าช้าออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี
โดยปัจจุบันทีมวิจัยวัคซีนโควิด ของไทยเกือบทั้งหมดกำลังประสบปัญหาด้านทุนวิจัย ที่ไม่ว่าจะวางแผนงานพัฒนาไว้รัดกุมเพียงใด ก็ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เนื่องจากการขาดงบประมาณสนับสนุนและพัฒนาที่ต่อเนื่อง
หากการพัฒนาวัคซีนแบบพ่นจมูก NASTVAC ของไบโอเทค ดำเนินต่อได้ตามกรอบระยะเวลาที่วางไว้ การทดสอบทางคลินิกในเฟส 2 ก็จะเสร็จสิ้นในช่วงกลางปี 2565 จากนั้นก็สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเพิ่มการทดสอบในเฟส 3 หรือ จะผลิตวัคซีนมาให้คนไทยได้ใช้ทันทีในราคาต้นทุนโดสละ 30 บาทเท่านั้น เนื่องจากหลายประเทศเริ่มใช้วัคซีนชนิดนี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจร่วมสนับสนุนเงินทุนวัคซีนแนสแวคสามารถบริจาคเงินผ่านบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี เงินบริจาคกองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 080-013324-1 โดยระบุข้อความบริจาควัคซีนโควิด 19 ในสลิปการโอน และส่งหลักฐานมาที่ LINE : @NASTVACFORTHAI ได้ทันที