- 29 พ.ย. 2564
ย้อนความหลังรำลึกเส้นทางรัก ทนายตั้มเเละลุงพล ก่อนถึงจุดเเตกหัก เเยกย้ายกันไปคนละทาง ถอนตัวจากทนายเเละคดีน้องชมพู่
เรียกว่ากลายเป็นประเด็นร้อน สำหรับกรณีของ “ทนายตั้ม” ที่รับเป็นทนายความลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา" ใน "คดีน้องชมพู่" จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และในสังคม และช่วงหลังมีความลือเรื่องการไม่ลงรอยกันเรื่องเงิน
โดยล่าสุดเมื่อวันที่28 พ.ย.64 “ทนายตั้ม” โพสตเฟซบุ๊ก “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” ว่าได้ถอนตัวจากการเป็นทนายความของลุงพลแล้ว โดยทนายตั้มได้ระบุว่า “วันนี้ผมและทีมทนาย ตัดสินใจถอนตัวจากทนายคดีลุงพลแล้วนะครับ เนื่องจากความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ไม่ได้มีปัญหาหรือผิดใจอะไรกัน สิ่งนึงที่ผมเงียบมาตลอด และปล่อยให้สังคมพูดกันไปโดยแทบไม่มีใครปกป้องคือ ในการทำคดีนี้
ผมไม่ได้รับเงินเพื่อช่วยทำคดีแต่อย่างใด ทำด้วยใจล้วนๆ แต่มาถึงวันนี้ผมขอใช้เวลาของผมไปทำคดีให้กับคนที่เห็นคุณค่าดีกว่า และขอให้ลุงพลและป้าแต๋นโชคดีครับ”
ซึ่งในเวลาต่อมานั้มีกระแสข่าวลือออกมาว่า ทางทนายตั้มได้รับเงิน 10ล้านว่าความผ่านทางมูลนิธิ ผมเลยให้ทีมงานรีบไปอัพเดทสมุดเพื่อเป็นหลักฐาน ผลก็คือตามภาพครับคือไม่มียอดนั้นปรากฎแต่อย่างใด คนที่ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จระวังจะได้คดีเป็นของขวัญปีใหม่นะครับ อย่างที่แจ้งไปแต่แรก และมีพยานเยอะแยะ ตอนผมรับทำคดีลุงพล ผมไม่คาดหวังเงินทองใดๆ อยากช่วยด้วยใจ
แต่ก็มีแฟนคลับรวมตัวกันอยากช่วยค่าคดี ผมเลยบอกไปว่าไม่รับ แต่ถ้าทุกคนอยากช่วยคนยากคนจน ก็โอนไปมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ไว้ช่วยคดีอื่นที่จำเลยที่ถูกกลั่นแกล้งไม่มีเงินค่าทนายแล้วมาขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิก็แล้วกัน เงียบมานาน วันนี้คงต้องปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองบ้างแล้วครับ แฟนคลับลุงพลเข้าใจผมใหม่ก่อนนะคร้บ ผมแค่เลิกทำคดี ไม่ได้เป็นศัตรูกับลุงพล อยากให้เข้าใจในจุดนี้ด้วย
โดยหลังจากที่ ทนายตั้ม ได้ยกเลิกทำให้คดีให้ลุงพลนั้น ในวันที่ (28 พ.ย.2564) ทางไทยนิวส์ออนไลน์จะพาไปย้อนฟังโมเม้นท์และความช่วยเหลือที่ทนายตั้มนั้น ได้ช่วยเหลือลุงพล สำหรับทนายตั้มนั้น ได้เปิดตัว เป็นทนายความให้นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องหาในคดี“น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบที่หายตัวไปจากบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร และไปพบว่าเป็นศพอยู่บริเวณภูเหล็กไฟ
โดยหากเราย้อนไปเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2021 ครั้งแรกที่ทนายตั้มออกมาปกป้องลุงพล โดยมีการพูดถึงการออกหมายจับลุงพล ว่ารู้กระแสข่าวนานแล้วว่าจะมีการออกหมายจับลุงพล และเคยยื่นคำร้องต่อศาลแล้วว่าถ้ามีการออกหมายจับต้องมีการไต่สวนก่อน แต่ทุกอย่างก็เงียบไป กระทั่งวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ครบรอบ 1 ปี ของคดีน้องชมพู่ ก่อนหน้านี้ตนก็ได้คุยกับลุงพลว่าจะให้มอบตัวผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะทาง ผบ.ตร. เป็นคนดูแลเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มอบตัวที่นั่น ตนได้ติดต่อไปทางโฆษก ตร. ก่อนจะมอบตัว อีกฝ่ายก็บอกให้เข้ามาเลย ไม่มีการดักจับกลางทางแน่นอน
โดยก่อนที่ลุงพลนั้น เข้ามอบตัวมีท่านผู้การโทร. มาบอกว่าไม่สามารถมอบตัวที่ สตช. ได้ เพราะเป็นนโยบายของ ผบ.ตร. ให้ไปมอบตัวที่ สน.ปทุมวัน แต่มีคนแจ้งว่าทาง สน. มีการเตรียมกำลังตำรวจไว้แล้ว ตนจึงพาลุงพลไปมอบตัวที่ สตช. โดยแจ้งนักข่าวและไปตามนัด ให้ลุงพลตามเข้ามา แต่สุดท้ายผิดคิว ลุงพลเดินไปที่โถงกลางและอยู่กับ ผบ.ตร. ตนยืนยันว่าไม่ได้แอบเพราะเข้าไปตามที่แจ้งไว้ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งใช้อำนาจเข้าจับกุม ทั้งที่มามอบตัวก่อนจะเดินทางไปที่ จ.มุกดาหาร
ด้านทนายตั้มทิ้งท้ายอีกด้วยว่า ตนวางข้อกำหนดกับศาลว่าหากลุงพลหลบหนี ข่มขู่ หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน สามารถถอนเงินประกันและจับเข้าคุกได้ทันที กระทั่งได้รับการประกันตัว จริง ๆ ตนอยากให้เรื่องนี้เป็นแบบอย่าง ซึ่งได้ติดต่อกับนายสิระ เจนจาคะ ให้นำเรื่องนี้เข้าสู่กรรมาธิการในเรื่องที่ตำรวจทำไม่ถูกต้อง ดำเนินคดีต่อในกรณีที่ตำรวจแจ้งจับและไม่รับมอบตัว พร้อมทั้งพยายามจะเดินเรื่องแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
นอกจากนี้ทนายตั้ม ยังเคยเปิดถึงกรณีที่ว่าการช่วยลุงพลนั้น ต้องเสียงถูกด่า โดยทนายตั้ม ได้ให้คำตอบว่า ตัวผมเองผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ภรรยาผมเห็นคอมเม้นต์แล้วไม่สบายใจ ผมก็บอกว่าไม่ต้อง ไปอ่าน แล้วรอให้ความจริงมันปรากฏดีกว่า
สำหรับอีกหนึ่งปรากฎการณ์ที่สร้างความฮือฮา สำหรับความของลุงพลและทนายตั้มนั้น คือการพากันไปสักการะรูปหล่อองค์หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของ อำเภอกระทุ่มแบน เพื่อมาไหว้ว้พระขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลจากองค์หลวงพ่อรุ่งองค์ใหญ่ ที่เลือกหลวงพ่อรุ่ง เพราะมีบ้านอยู่แถวนี้อยู่แล้ว ที่ผ่านมาการทำคดีที่ใหญ่ๆ สำคัญๆ ทุกคดี จะพาลูกความมาไหว้หลวงพ่อรุ่ง แล้วประสบความสำเร็จทุกคดี
และอีกหนึ่งโมเม้นท์นึงที่ลุงพลและทนายตั้มมีต่อกันนั่นก็คือ การยื่นหนังสือต่อนายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย และสิทธิมนุษยชน
โดยอีกหนึ่งเรื่องราวที่สำคัญอีกเรื่องนึงนั้นที่ทนายตั้มได้ช่วยเหลือลุงพลนั่นก็คีอ บจุดที่ทำให้ลุงพลได้รับการประกันคือ ทนายตั้ม ขอให้ศาลวางข้อกำหนด วางกติกา การให้ประกัน คดีนี้เดิมตั้งใจจะไม่ให้นายไชย์พล วิภา ประกัน มีพยานหลักฐานที่จะพร้อมไปซักค้าน ถ้าไม่ได้มีทนายไปน่าจะไม่ได้ประกัน แต่สุดท้ายได้ประกันตัว
สำหรับเส้นทางของลุงพลและทนายตั้ม หรือนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ต้องบอกว่ามีการช่วยเหลือซึ่งกันในหลายๆด้าน หลายเรื่องราวที่เคยช่วยเหลือกันก่อนที่จะมายุติการช่วยคดี โดยทางไทยนิวส์ออนไลน์จะพาคุณผู้ชมไปทิ้งท้ายคลิปและพาไปรุ้จักทนายตั้มให้มากยิ่งขึ้น โดยทนายตั้มนั้นจะมาซึ่งเป็นอดีตทนายความของลุงพล คดีน้องชมพู่ และยังเป็นทนายที่มีชื่อเสียง จนได้ทำคดีความใหญ่ๆสำคัญอย่าง “หวย 30 ล้าน” หรือคดีที่เป็นที่ฮือฮาอย่างคดี “เอมี่-อาเมเรีย จาคอป” ที่ทำให้ทนายเคยถูกจับกุมมาแล้ว เรียกได้ว่า ทนายตั้มเป็นที่คร่ำหวอดในวงการกฎหมายเลยก็ว่าได้
ผลงานเด่นทนายตั้ม
ปี 2556 คดีน้องภัทร ปี สาวโรงงานที่ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน ถูกรถสิบล้อชนแล้วหนีจนพิการ
ปี 2557 คดีน้องน้องจีโน่ ถูกวัยรุ่นใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาก่อนหลบหนี จนถึงแก่ความตาย
ปี 2559 คดีสองสามีภรรยาชาวจังหวัดสมุทรสงคราม ระบุว่าถูกตำรวจ สภ.บางโทรัด จ.สมุทรสาคร 8 นาย บุกค้นตัวที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนยัดยาเสพติด ชิงสร้อยคอทองคำและเงินสด ซึ่งคดีนี้ตำรวจทั้ง 8 นาย ขอความช่วยเหลือ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และได้ออกมาเคลื่อนไหว ระบุว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ตกเป็นจำเลยสังคม
ปี 2560 "คดีหวย 30 ล้าน" โดยช่วยเหลือ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ข้าราชการบำนาญ ถูกนายปรีชา ใคร่ครวญ ข้าราชการครู ยื่นฟ้องข้อหายักยอกทรัพย์ ในคดีอ้างสิทธิเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล มูลค่า 30 ล้านบาท
ปี 2560 คดีที่เป็นชนวนเหตุที่ทำให้นายษิทราถูกจับกุม มาจากคดีที่ "เอมี่-อาเมเรีย จาคอป" อดีตนักแสดง ถูกจับกุมพร้อมแฟนหนุ่มในคดีเสพและครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย
กระทั่งวันที่ 28 ส.ค. 2561 ศาลจังหวัดมีนบุรีพิพากษายกฟ้องเอมี่ข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย แต่รอลงอาญาข้อหาเสพยาเสพติด ส่วนแฟนหนุ่มลดโทษเหลือจำคุก 25 ปี 4 เดือน 15 วัน
เป็นหนึ่งในชนวนเหตุที่ทำให้นายอัจฉริยะจากที่เคยเคลื่อนไหวด้วยกัน แตกหักกับนายษิทรา และร้องเรียนกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำไปสู่การออกหมายจับทนายตั้มในที่สุด