- 08 ธ.ค. 2564
ย้อนรอยคดีดัง เปรมชัยล่าเสือดำ เคยเอ่ยปากติดสินบนเจ้าหน้าที่แลกพ้นผิด ก่อนสุดท้ายลงเอยที่คุก ตอบรับคำร้องขอ เรียกคืนความยุติธรรมให้เสือดำ
หลังจากที่ศาลฎีกาได้ตัดสินของ นายเปรมชัย กรรณสูต ซึ่งหลายคนรู้จักกันดีใน คดีเสือดำ ที่หลายๆ คนได้ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเจ้าเสือดำโชคร้ายที่ต้องมาถูก นายเปรมชัย ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) หรือ เจ้าสัวเปรมชัย พร้อมกับพวกรวม 4 คน ซึ่งศาลฎีกาตัดสินเปรมชัยล่าสุด ระบุว่า ต้องโทษ คุก 2 ปี 6 เดือนไม่รอลงอาญา ส่วนนายยงค์ โดดเครือ จำคุก 2 ปี 9 เดือน นายธานี ทุมมาศ 2 ปี 13 เดือน
เจ้าสัวเปรมชัย ตกเป็นผู้ต้องหาล่าสัตว์ คดีล่าเสือดำ ในพื้นที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี เมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.2561 กระทั่งประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) ในวัย 67 ปี ถูกนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้ารักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในขณะนั้นจับกุม ซึ่งทำให้ประชาชนมีความสนใจถึงคดีนี้อย่างมาก (นายวิเชียร ปัจจุบันประจำอยู่ที่ สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี))
ย้อนเหตุการณ์ คดีเสือดำ
นายเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวกรวม 4 คน ถูกหัวหน้าวิเชียรนำกำลังจับกุม ขณะเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ท้องที่ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พร้อมยึดของกลางประกอบด้วยซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก เหตุเกิดระหว่างวันที่ 4 - 6 ก.พ. 2561
โดย เจ้าสัวเปรมชัย ตั้งแคมป์พักแรมที่ริมห้วยปะชิ จุดที่มีสัตว์ป่าชุกชุม และเป็นพื้นที่เปราะบางทางระบบนิเวศ ซึ่งผิดเงื่อนไข ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจค้นจุดตั้งแคมป์ พบอุปกรณ์ทำครัว พบถังแช่เนื้อสด มีซากไก่ฟ้าหลังเทา มีร่องรอยถูกยิง กระสุนฝังใน 1 ลูก พบเนื้อเก้ง ประมาณ 1 กก. พบหม้อแกงปรุงอาหาร จากสัตว์ป่า และพบอาวุธปืนยาว 2 กระบอก หัวหน้าวิเชียร จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาที่สำนักงานเขตฯ และย้อนกลับไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งในช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.พ.2561
ผลตรวจค้นครั้งที่สอง พบถุงดำซุกอำพรางอยู่ห่างจากจุดตั้งแคมป์ ในทิศทางเดียวกับที่ตรวจพบอาวุธปืนยาว ภายในถุง เป็นหนังเสือดำ ถนอมซากด้วยเกลือ วัดความยาวจากหัวถึงสะโพก 83 ซม. จากหัวถึงหาง 148 ซม. พบกะโหลกเสือดำ 1 หัว น้ำหนักซากเสือดำ 10.6 กิโลกรัม ไม่รวมหนังเสือ
ก่อนที่ในที่สุดนั้น คดีดังกล่าวนั้นจะต่อสู้กันมายาวนานเป็นปีๆ ก่อนที่ หัวหน้าวิเชียร ชิณวงษ์ ที่เป็นอดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก เป็นเจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุมเจ้าสัวเปรมชัย ได้รับรางวัลจาก UN ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งในวันที่ 19 มีนาคม 2562 คำพิพากษา ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดยมีคำพิพากษา นายเปรมชัย 16 เดือน ใน 3 ข้อหาไม่รอลงอาญา ได้แก่
1. ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน
2. ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 8 เดือน
3. ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ( ไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน
ทั้งนี้ ศาลยกฟ้อง ข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าไว้ในความคุ้มครอง (เสือดำ) และให้ชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท
อีกเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งเป็นคำพูดของนายเปรมชัย ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่า ระหว่างที่ หัวหน้าวิเชียร ได้สอบถามนายเปรมชัย เหตุใดจึงเข้ามาล่าสัตว์ และถามความเกี่ยวข้องของคนทั้ง 4 สัมพันธ์กันอย่างไร อาวุธที่พบทั้งหมดใครเป็นเจ้าของ ระหว่างที่ซักถามนั้น นาย "ศ" นาย "ป" และนาย"ญ" ได้ยินนายเปรมชัย พูดกับหัวหน้าวิเชียร ว่า "มีหนทางช่วยเหลือกันบ้างไหม มีเงื่อนไขอะไรไหม"
หัวหน้าวิเชียร ตอบว่า "ผมไม่มีเงื่อนไข ปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา" บุคคลที่ได้ยินเข้าใจในตอนนั้น ว่า นายเปรมชัย ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือด้วยการปล่อยตัวเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม นายเปรมชัย ได้พูดว่า จะให้นาย "น" มาเคลียร์ในเรื่องนี้ และนายเปรมชัย พูดย้ำอีกว่า "มีหนทางจะช่วยเหลือกันได้ไหม มีเงื่อนไขอะไรไหม"
และประโยคสุดท้ายนายเปรมชัย พูดว่า "ถ้าปล่อยพวกผม หากอยากได้อะไรผมจะหามาให้" หัวหน้าวิเชียร ตอบไปว่า "ผมไม่มีเงื่อนไข ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และไม่ต้องการอะไร"
สำหรับคำว่า "ถ้าปล่อยพวกผม หากอยากได้อะไรผมจะหามาให้" ประโยคนี้ของเปรมชัย นั่นเท่ากับเข้าข่ายเสนอสินบน ต่อเจ้าหน้าที่หรือไม่? โดยประโยคการสนทนาทั้งหมด มีเจ้าหน้าที่ 3 คน นาย "ศ" นาย "ป" และนาย"ญ" เป็นพยาน ได้
นอกจากนี้ มีคลิปเสียงการสนทนาที่ปรากฎตามสื่อ ซึ่งเป็นคนละช่วงเวลากับที่นายเปรมชัย พูดกับหัวหน้าวิเชียร โดยคลิปเสียงเป็นการพูดคุยกันในช่วงเวลาประมาณ 02.30 น.ของวันที่ 5 ก.พ.61 โดยบันทึกจากเครื่องโทรศัพท์มือถือ หมายเลข 087-07x-xxxx ระหว่างนาย "จ" เข้าไปพูดคุยหาข่าวกับนายยงค์ โดดเครือ 1ใน 3 คน ที่มากับนายเปรมชัย
โดยนายยงค์ ได้พูดว่า "นายเปรมชัย เคยไปท่องเที่ยวเขตประเทศพม่า เคยนำสิ่งของเช่น วิทยุสื่อสาร รองเท้าบูท เสื้อผ้าไปแจก แต่ไม่ได้พูดว่าจะนำมาแจกให้เจ้าหน้าที่"
นอกจากนี้ ในคลิปพูดถึงเรื่องการเสียค่าธรรมเนียมเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ผู้ใหญ่ต้องเสีย 20 บาท เด็ก 10 บาท รถยนต์ 30 บาท แต่ในวันที่ 3 ก.พ.61 คณะของนายเปรมชัย ไม่ได้เสียค่าธรรมเนียม โดยอ้างว่าพวกตนเป็น "แขกของนาย" ส่วนอีก 1 คลิปเสียงที่ปรากฎในสื่อมวลชน เป็นการบันทึกไว้เมื่อวันที่ 3 ก.พ.61 เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่คณะของนายเปรมชัย เดินทางมาถึงหน้าด่านทางเข้า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก
นายเปรมชัย ได้แนะนำตัวตามที่นางสาวกาญจนา แจ้งมา และบอกว่า "นาย น" ฝากไฟฉายมาให้ไว้ใช้ปฏิบัติงานจำนวน 5 กระบอก เป็นไฟฉายแรงสูง ยี่ห้อ RAYPAL XML T6 ราคา กระบอกละ 280 บาท ทั้งจากคำพูดของนายเปรมชัย ในวันที่ 5 ก.พ.61 ประโยคที่ว่า "ถ้าปล่อยพวกผม หากอยากได้อะไรผมจะหามาให้"
อย่างไรก็ตาม คดีนี้เป็นคดีที่โด่งดัง ประชาชนและสังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากจำเลยที่ 1 เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศและทั่วโลก ทุกสังคมต่างก็จับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะได้มีการต่อสู้คดีกันมาอย่างยาวนานเกือบ 3 ปีเต็ม ก่อนที่ล่าสุด ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาจำคุก นายเปรมชัย กรรณสูต 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนนายยงค์ โดดเครือ จำคุก 2 ปี 9 เดือน นายธานี ทุมมาศ 2 ปี 13 เดือน