- 10 ธ.ค. 2564
ประธานสหภาพฯ การบินไทยแถลงโต้เดือด เจ้เล้ง ดอนเมือง จี้รับผิดชอบคำพูด ไม่อยากให้เกิดการดูหมิ่น ดูแคลน กับอาชีพลูกเรือและทุกอาชีพในอนาคตอีก
เมื่อคืนวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมานายสิทธิพันธ์ นวอัศวานนท์ ประธานสหภาพแรงงานการบินไทย ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้เจ้เล้ง ดอนเมืองกรณีพาดพิงอาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หลังเกิดดราม่าเจ้เล้งด่าแอร์โฮสเตส บอกว่าเป็นขี้ขาบนเครื่องบิน โดยมีเนื้อหาดังนี้
"จากคลิปที่แชร์ในโซเชียลมีเดียของคุณอารียฉัตร อภิสิทธิ์อมรกุล (เจ้เล้ง) เจ้าของร้านเจ้เล้ง ดอนเมือง ที่จัดทำขึ้นในหัวข้อ ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่สูตรฮ่องกงและมีการโฆษณาสินค้าด้วยนั้น เนื้อหาในคลิปช่วงนาทีที่ 21:40 คุณอารียฉัตร ได้กล่าวพาดพิงถึงอาชีพแอร์โฮสเตส สจ๊วต หรือในข้อบังคับการบินเรียกว่า "ลูกเรือ" (Cabin Crew)
จากทัศนคติที่มีต่ออาชีพของลูกเรือ (แอร์, สจ๊วต) ดังกล่าว สหภาพแรงงานการบินไทย (สร.กบท.) ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานและลูกเรือทุกคน และกว่า 61 ปีของการบินไทยที่เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจการบินรายแรกในประเทศไทย อาจกล่าวได้ว่าแอร์และสจ๊วตการบินไทย เป็นตัวแทนในเชิงสัญลักษณ์ของแอร์และสจ๊วตในประเทศไทย
สหภาพแรงงานฯ ขอเรียนชี้แจงการทำงานของลูกเรือ ที่นอกเหนือจากการให้บริการที่ดีที่สุดกับผู้โดยสาร ดังนี้
1. ลูกเรือทุกคนต้องอบรมความรู้พื้นฐานการทำงานของอากาศยานแต่ละแบบ (Aircraft Orientation)
2. ลูกเรือทุกคนต้องอบรมการช่วยเหลือให้ความปลอดภัยต่อผู้โดยสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน (Safety & Emergency) ทั้งในกรณีบนพื้นดิน, พื้นน้ำ, พื้นน้ำแข็ง และต้องทำการฝึกทักษะทั้งหมดให้เกิดความชำนาญทุกปี
3. ลูกเรือทุกคนต้องเรียนรู้ จำแนก บรรเทา แก้ไขสินค้าหรือวัตถุอันตราย (Dangerous Goods) ตามมาตรฐานขององค์การสหประชาชาติ (UN) หากพบเจอหรือมีการรั่วไหลบนเครื่องบิน
4. ลูกเรือทุกคนต้องเรียนรู้พื้นฐานการจำแนก ตรวจสอบวัตถุระเบิด รวมถึงขั้นตอนวิธีการจัดการบนเครื่องบินจากเจ้าหน้าที่รัฐ
5. ลูกเรือทุกคนต้องเรียนรู้การปฐมพยาบาล ทำคลอด อาการและวิธีแก้ไขของโรคที่อาจเกิดขึ้นบนเครื่องบินได้
6. ลูกเรือทุกคนต้องเรียนรู้การปฏิบัติตัว การประสานงานกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้น และการเจรจาต่อรองหากเกิดการก่อการร้ายหรือจี้เครื่องบิน
7. ลูกเรือการบินไทยต้องอบรมการต่อสู้ป้องกันตัว การควบคุม หากเกิดเหตุผู้โดยสารเป็นภัยต่อผู้อื่นและอากาศยาน (Unruly Passenger)
8. ลูกเรือทุกคนต้องอบรมการช่วยเหลือตนเองและผู้โดยสารหลังจากสถานการณ์การลงฉุกเฉิน (Emergency Landing) การดำรงชีวิตในป่า เขา ทะเล พื้นที่มีหิมะ (Survival)
ยังมีการอบรม ฝึกฝน อีกหลากหลายสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น และในแต่ละปีลูกเรือทุกคนต้องเข้าอบรมทบทวนเพื่อให้เกิดความรู้ ความชำนาญ ไม่ต่ำกว่า 14 วันต่อปี ตามข้อบังคับการบินของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
การฝึกฝน ทบทวนความรู้ที่กล่าวมาทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารหากเกิดเหตุไม่พึงประสงค์และสถานการณ์ฉุกเฉิน เฉกเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการพิเศษทุกหมู่เหล่า หากไม่เกิดเหตุก็ปฏิบัติหน้าที่ปกติในที่ตั้ง ลูกเรือก็เช่นกัน หากไม่เกิดเหตุการณ์ใดๆ เราก็จะให้การดูแลและบริการอย่างอบอุ่นต่อผู้โดยสารทุกท่านด้วยความแข็งแกร่งของอัตลักษณ์ความเป็นไทยตลอดทุกเส้นทาง และการมีทัศนคติดูแคลนว่าอาชีพแอร์ฯ สจ๊วต ทำธุรกิจอย่างอื่นต่อไม่ได้ ซึ่งในประเด็นนี้ปัจจุบันลูกเรือของการบินไทยต้องมีคุณวุฒิระดับปริญญาตรีขึ้นไป และมีลูกเรือที่จบการศึกษาสูงกว่าระดับปริญญาตรีประมาณ 13% (จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง) เป็นทั้ง คณบดีและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง มีอาชีพเสริมในขณะยังเป็นลูกเรือ ทั้งสถาปนิก, ออกแบบ, หมอ, พยาบาล, ร้านอาหาร, ทำสวน, ประมง ฯลฯ อื่นๆ อีกมากที่ไม่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบิน
สหภาพแรงงานการบินไทย ขอเรียนชี้แจงในแถลงการณ์นี้ เพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณชนและคุณอารียฉัตร อภิสิทธิ์อมรกุล (เจ้เล้ง) ซึ่งสหภาพฯ ไม่อยากให้เกิดการดูหมิ่น ดูแคลน กับอาชีพลูกเรือและทุกอาชีพในอนาคตอีก และใคร่เรียกร้องให้คุณอารียฉัตร อภิสิทธิ์อมรกุล (เจ้เล้ง) แสดงความรับผิดชอบต่อการแสดงทัศนคติเชิงลบกับอาชีพแอร์ฯ และสจ๊วตในครั้งนี้ด้วย"
ก่อนที่หลังจากนั้นเจ้เล้ง ดอนเมือง จะโพสต์ขอโทษเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเจ้เล้ง ดอนเมือง ขอโทษด่าแอร์โฮสเตส พร้อมขอพิสูจน์ตัวเอง โดยได้โพสต์ลงในเพจ ร้านเจ้เล้ง ranjaeleng ระบุ
"จากกรณีที่ดิฉัน เจ้เล้ง นางสาวอารยา ลาภชีวะสิทธิฉัตร ได้อัดคลิปทำอาหารในวันที่ 13 กันยายน 2564 ซึ่งส่วนหนึ่งได้กล่าวพาดพิงถึงอาชีพแอร์โฮสเตสกับสจ๊วตตามเนื้อความดังคลิปนั้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อ เกียรติ ศักดิ์ศรี และคุณค่าของอาชีพนั้นๆ ดิฉันไม่ได้สบายใจในคำพูดที่ดิฉันกล่าวออกไปเลย ซึ่งพูดไปตามประสาคนปากไว โดยมิได้มีเจตนาดูหมิ่น หรือเหยียดบุคคล และอาชีพใดๆ ด้วยความโกรธเกลียดเลย
ดิฉันไม่มีคำใดมาแก้ตัว หรือคำอธิบายใดๆ นอกจากคำว่าขอประทานโทษจากใจจริง โดยต่อไปนี้จะมีสติในการสื่อสารให้มากยิ่งขึ้น พร้อมปรับทัศนคติและมุมมองในการอยู่ในโลกสังคมออนไลน์สมัยใหม่
จึงขอให้ทุกคนที่เจ้เล้งได้กล่าวพาดพิง รวมไปถึงชาวเน็ตที่คอมเม้น ให้อภัยและให้โอกาสเจ้เล้งได้พิสูจน์ตัวเองด้วยนะคะ"