สธ.จ่อชงลดวันกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเหลือ7วัน ไม่พบเชื้อออกมาทำงานได้

กระทรวงสาธารณสุข เล็งพิจารณาเสนอศบค. ให้ลดวันกักตัวกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจาก 14 วัน เหลือ 7 วัน หากตรวจATKไม่พบเชื้อ สามารถออกมาทำงานได้

   สถานการณ์เชื้อโควิด-19ประเทศไทย วันที่14ม.ค.65  พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,158 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 7,916 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 242 ราย ผู้ป่วยสะสม 85,180 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) โดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงสถานการณ์หลังเทศกาลปีใหม่ ว่า  ภาพรวมการติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2 สัปดาห์แรก จากระบาดโควิดโอมิครอน   โดยผู้ป่วยหนักลดลง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เตือนภัยโควิด-19 ในระดับที่ 4 ขอความร่วมมือให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการไปยังสถานที่เสี่ยงต่างๆ

สธ.จ่อชงลดวันกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเหลือ7วัน ไม่พบเชื้อออกมาทำงานได้

จากข้อมูลการคาดการณ์ช่วงแรก พบการระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอนมีการระบาดรวดเร็ว แต่พอมีมาตรการต่างๆเข้ามาควบคุมชะลอการแพร่ระบาดพบว่า ขณะนี้การแพร่ระบาดอยู่ระดับคงตัวปานกลาง ส่วนอัตราการเสียชีวิต ก็อยู่ในระดับต่ำ ปัจจัยหนึ่งมาจากตัวโรคที่รุนแรงน้อยลงและการฉีดวัคซีนโควิด-19สำหรับมาตรการทางด้านสาธารณสุข ถูกนำมาใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาด ถือว่า มีแนวโน้มที่ดี ชะลอการแพร่ระบาดได้ดีขึ้น

สธ.จ่อชงลดวันกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเหลือ7วัน ไม่พบเชื้อออกมาทำงานได้

สธ.จ่อชงลดวันกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเหลือ7วัน ไม่พบเชื้อออกมาทำงานได้

  ทั้งนี้  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังระบุถึงการพิจารณาลดวันกักตัวกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจาก 14 วัน เหลือ 7 วัน โดยวันที่ 5-6 ต้องมีการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATKด้วยตัวเอง หากไม่พบเชื้อก็สามารถออกมาทำงานได้ และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด โดยในวันที่ 10 ต้องมีการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK อีกครั้งซึ่งหลังจากนี้ จะมีการเสนอ ศบค.ใหญ่ พิจารณาลดวันกักตัว ส่วนการประกาศใช้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19

สธ.จ่อชงลดวันกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเหลือ7วัน ไม่พบเชื้อออกมาทำงานได้