- 15 ม.ค. 2565
หมอผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคไต โรงพยาบาลพญาไท 2 ไขข้อข้องใจ กระจ่างทันที กับความเชื่อโบราณ กินเป็ด กินไก่มากๆ ระวังเป็นโรคเกาต์
หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า "ระวังนะ! กินเป็ด กินไก่มากๆ ระวังเป็นโรคเกาต์" ที่ได้ยินเป็นความเชื่อที่บอกกันปากต่อปาก ทำเอาสวรรค์ของคนรักสัตว์ปีกทั้งหลายถึงกับต้องจำใจวางน่องไก่ตรงหน้าลงแล้วกันมาแทะอย่างอื่นแทน
ความเชื่อดังกล่าวถูกปลูกฝังในจิตใจของชาวไทยมาอย่างช้านาน แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยไปที่มีอินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่าย พร้อมทั้งได้รับความรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องเดินทางออกไปให้เสี่ยงโรคภัย ซึ่งล่าสุด ผศ. ดร.นพ. พัฒนา เต็งอำนวย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคไต โรงพยาบาลพญาไท 2 ได้ระบุอธิบายเอาไว้ในสาระน่ารู้เรื่อง "เคลียร์ข้อสงสัย ทานเป็ด-ไก่ ทำให้เป็นเกาต์จริงหรือไม่"
ผศ. ดร.นพ. พัฒนา เต็งอำนวย ได้อธิบายเอาไว้ว่า โรคเกาต์ (Gout) เกิดจากการสะสมของกรดยูริค (uric acid) ในเลือด และตกตะกอนเป็นผลึกรูปเข็มอยู่ตามข้อ ทำให้เกิดการอักเสบ ปวดบวมแดงร้อนอย่างเฉียบพลัน ซึ่งระดับของกรดยูริคในเลือดสูงจะบ่งบอกถึงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคเกาต์ ความดันสูง เส้นเลือดเสื่อมสภาพ นิ่วในไต และไตวาย การรู้ระดับของกรดยูริคในเลือด จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการพยากรณ์โรคหลายๆ ชนิด
ทั้งนี้เมื่อระดับของกรดยูริคสูงกว่า 6.8 มก/ดล ก็จะมีโอกาสตกตะกอนเป็นผลึกรูปเข็ม หากเกิดขึ้นตามข้อก็จะทำให้เกิดการอักเสบ ปวดแสบร้อน โดยตำแหน่งที่พบบ่อยคือข้อนิ้วหัวแม่เท้า ในคนที่เป็นเกาต์เรื้อรังอาจพบอาการอักเสบได้หลายข้อ บางคนอาจมีก้อนของกรดยูริคสะสมอยู่ตามข้อเหล่านี้ เป็นปุ่มโปน ที่ วันดีคืนดีก็แตกออกมาเป็นแผลเรื้อรัง
นอกจากนี้ คนไข้ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย จะให้ประวัติว่าไปทานเลี้ยงกับเพื่อน มีการทานเนื้อสัตว์และเหล้า พอตกกลางคืน ก็สังเกตว่าหัวแม่เท้าบวมแดงเจ็บ เมื่อไปพบแพทย์ตรวจวินิจฉัยโดยการเจาะเลือดก็พบว่าเป็นเกาต์ และหลังทานยาอาการก็ดีขึ้น
โดยคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าโรคเกาต์เกิดจากการทานเป็ดไก่ หรือแม้แต่การทานยอดผัก ซึ่งความจริงแล้วอาหารที่เราทานเข้าไป เป็นเพียงอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจไปช่วยกระตุ้นให้เกิดโรคได้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะอาหารพวกเป็ดหรือไก่ ทำให้ระดับกรดยูริคสูงขึ้นได้ไม่เกิน 1 มก./ดล. จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแม้ว่าจะหยุดทานเป็ดไก่ล้ว แต่อาการเกาต์ก็ยังไม่หายขาดซะที
ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ไม่ใช่ว่าคนที่เป็นเกาต์จะทานเป็ดไก่ได้อย่างสบายใจ เพราะหากคุณเป็นคนที่มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเกาต์อยู่แล้ว มีระดับของกรดยูริคสูงอยู่แล้ว การทานเป็ดไก่ก็อาจไปกระตุ้นให้เกิดอาการได้เช่นกัน ส่วนเรื่องของการทานยอดผักนั้นก็ไม่ได้ทำให้ระดับของกรดยูริคพุ่งขึ้นสูงแต่อย่างใด นั่นจึงไม่ใช่สาเหตุสำคัญของโรคเกาต์นั่นเอง
มาถึงจุดนี้ อาจจะสังเกตได้ว่า เหล้าเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะกรดยูริคในเลือดสูงและโรคเกาต์ หลังทานเหล้าอาจมีอาการปวดบวมที่หัวแม่เท้าอย่างรุนแรง ซึ่งอาการนั้นเกิดขึ้นเพราะเหล้าทำให้กรดยูริคในเลือดสูงขึ้น และยังทำให้เลือดเป็นกรด ส่งผลให้กรดยูริคตกตะกอนภายในข้อ และกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง
ในขณะที่ ชนิดของเหล้าที่ดื่มจะมีผลต่อระดับยูริคไม่เท่ากัน เบียร์จะทำให้ระดับกรดยูริคสูงขึ้นมากกว่า วิสกี้ ส่วนไวน์ทำให้ระดับของกรดยูริคสูงขึ้นไม่มาก ดังนั้น สำหรับคนที่เป็นเกาต์ ถ้าหยุดเหล้าได้น่าจะดีกว่า แต่ถ้าจะต้องดื่มเพื่อเข้าสังคม ก็แนะนำให้เลือกดื่มเป็นไวน์ และควรหลีกเลี่ยงการดื่มเบียร์ให้ได้มากที่สุด
อีกหนึ่งปัจจัยที่น้อยคนจะรู้ว่าการทานน้ำตาลผลไม้ ที่เรียกว่า น้ำตาลฟรุคโตส เกินกว่า 50 กรัมต่อวัน ก็สามารถทำให้เกิดภาวะกรดยูริคในเลือดสูง และตามมาด้วยการเป็นโรคเกาต์ได้เช่นกัน และแหล่งของน้ำตาลฟรุคโตสที่น่ากังวลคือมาจาก น้ำผลไม้กล่องและน้ำอัดลม งานวิจัยพบว่าการดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้กล่อง เกินวันละหนึ่งแก้วอยู่เป็นประจำ ก็สามารถส่งผลให้ระดับของกรดยูริคสูงถึงขั้นเป็นโรคเกาต์ได้แล้ว
ซึ่งการป้องกันและรักษาภาวะยูริคสูง หรือ การรักษาเกาต์ ในช่วงแรกคือการให้ยาลดการอักเสบแก้ปวด และเมื่ออาการปวดทุเลาก็จะมีการสั่งยาลดการสร้างกรดยูริค เพื่อควบคุมระดับของกรดยูริคให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ทว่าปัญหาที่พบบ่อยก็คือ คนไข้ปัจจุบันเข้าใจว่า เวลาปวดข้อก็ทานยาแก้ปวด เวลาไม่ปวดข้อก็ไม่ต้องทานยาอะไร โดยไม่สนใจตรวจดูระดับของกรดยูริคในเลือด โดยไม่ได้ตระหนักว่า การที่ระดับยูริคในเลือดสูงอยู่เป็นเวลานาน จะเป็นพิษต่อหลอดเลือดและไต กว่าจะรู้ตัวก็ลงเอยเป็น โรคความดันสูงหรือไตวายไปแล้ว ดังนั้นจึงอยากจะฝากบอกคนที่เป็นเกาต์ว่า ควรปรึกษาแพทย์เพื่อใช้ยาลดระดับกรดยูริคอย่างต่อเนื่อง
แกทั้งยูริค ปัจจัยเสี่ยงเป็นสารพัดโรคร้าย ภาวะกรดยูริคสูง ไม่เพียงแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคเกาต์ แต่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคร้ายนานาชนิด เช่น ความดันสูง นิ่วในไต เบาหวาน รวมทั้งไตวายเรื้อรัง แต่เนื่องจาก การตรวจเลือดดูระดับของกรดยูริคในเลือด มักไม่มีในการตรวจโปรแกรมสุขภาพทั่วๆ ไป
จึงอยากจะแนะนำให้เจาะตรวจด้วย เพราะมีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ชาย เนื่องจาก ผู้ชายมีระดับของกรดยูริคในเลือดสูงกว่าผู้หญิง เพราะฮอร์โมนเพศหญิงจะเพิ่มการกำจัดกรดยูริคออกทางไต โรคเกาต์จึงเป็นโรคที่พบในผู้ชายมากกว่า ส่วนผู้หญิงที่เข้าวัยทอง และไม่ได้ใช้ฮอร์โมนเสริม ก็จะสามารถเป็นโรคเกาต์ได้เช่นกัน
ทั้งนี้สำหรับคนที่เคยไปรับการเจาะเลือดตรวจสุขภาพ และได้รับการบอกว่ามีกรดยูริคในเลือดสูง ส่วนใหญ่แพทย์ก็จะบอกแค่ว่า “กรดยูริคสูงนะ อย่ากินเป็ดไก่มากนัก เดี๋ยวจะเป็นเกาต์” ก็โปรดอย่าได้นิ่งนอนใจว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ควรเริ่มคุมอาหารลดแป้ง ออกกำลัง ลดน้ำหนักตัว หยุดเหล้า (หรือเลือกทานไวน์แทนเบียร์) และอย่าลืมว่า น้ำอัดลมและน้ำผลไม้กล่อง ทำให้กรดยูริคสูงได้
จึงขอย้ำว่า ยูริคสูงและโรคเกาต์ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่อย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะเข้าใจว่าเป็นแค่โรคข้อ รอให้เกิดแล้วทานยาเป็นพักๆ อาจจะลงเอยด้วยภาวะไตวาย หรือเส้นเลือดเสื่อมสภาพได้ มีคนไข้สูงอายุหลายรายไปพบแพทย์ด้วยอาการเลือดออกทางเดินอาหารโดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะกรดยูริคเหล่านี้ ตกตะกอนในสภาวะที่เป็นกรด เกิดเป็นผลึกรูปเข็มทิ่มแทงเส้นเลือดที่เสื่อมสภาพ ซึ่งหากแพทย์ไม่ได้ตรวจระดับของกรดยูริค หรือไม่ได้รักษาด้วยการให้ โซเดียม ไบคาร์โบเนต หยดเข้าเส้นเลือด
"ผู้ป่วยก็จะเลือดออกจนถึงแก่ชีวิต ผู้ป่วยบางรายก็ถูกตัดลำไส้ออกเกือบหมด และลงเอยด้วยการยังชีพ โดยการให้สารอาหารทางหลอดเลือดชั่วชีวิต" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคไต อธิบายทิ้งท้าย
ข้อมูลจากโรงพยาบาลพญาไท