พระผู้ใหญ่สั่งเบรค "นะหน้าทองเต็มหน้า" ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ผิดโลกวัชชะ

มีรายงานว่าพระราชนันทมุนี เจ้าอาวาสวัดบัวขวัญ และเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีสั่งเบรคพิธีลงนะหน้าทองเต็มหน้า หลังประชาชนแห่ไปลงนะหน้าทอง ที่วัดศาลารี ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี จนถึงกับขนาดต้องมีการจองคิวล่วงหน้าเป็นเดือน

โดยผู้ที่ทำพิธีลงนะหน้าทอง วัดศาลารี คือ พระครูสมุห์นพดล ปิยธมฺโม เจ้าอาวาสวัดศาลารี 

 

เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีเผยว่าเพิ่งทราบข่าวว่ามีการลงนะหน้าทองแบบเต็มหน้า ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เป็นเรื่องของการจับต้องกายหญิงซึ่งเป็นอาบัติ หากภิกษุมีความกำหนัดไปจับต้องกายหญิงจะเป็นอาบัติสังฆาภิเษก

พร้อมบอกด้วยว่า การลงนะหน้าทองแล้วเอาพู่กันไปเจิม ไปเขียนยันต์ ถ้าจะเปรียบเทียบก็เหมือนวิธีการรับประเคนที่โยมผู้หญิงซึ่งมาถวายของต้องมีของเนื่องด้วยกายกับของเนื่องด้วยกายมาจรดกัน พระถึงจะรับประเคนได้ หมายถึงเวลาพระรับประเคนจากโยมผู้หญิงต้องมีผ้ารับประเคน ส่วนโยมผู้หญิงก็ต้องถือของมาวางบนผ้าเพื่อถวาย มันถึงจะถูกต้อง แต่การเอาภู่กันมาเขียนที่หน้าผาก มันไม่มีของเนื่องด้วยกายของฝ่ายหญิง มีแต่ฝ่ายพระอย่างเดียวคือภู่กันแล้วเจิมไปถูกกายฝ่ายหญิงเลย

พระราชนันทมุนี กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ไม่ถึงกับผิด 100% แต่ก็ถือว่าผิด 50% เป็นความผิดเข้าข่ายโลกวัชชะ ทำให้คนมองเป็นสองมุม ถ้าคนมีศรัทธาเลื่อมใสก็มองเป็นเรื่องดีไป ถ้าคนมองไปในแง่ไม่ดี มันก็ไม่ดีเพราะไม่ใช่เรื่องของสงฆ์ ไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่จะต้องไปทำขนาดนี้ ถือเป็นช่องโหว่ให้คนโจมตีได้ ตามหลักพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าสอนไว้มี 2 อย่าง คือ 

 

1.คันถธุระ คือการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า 
และ2.วิปัสสนาธุระ คือการมุ่งเน้นปฏิบัติเพื่อให้บรรลุในการตัดซึ่งกิเลสทั้งมวล

เรื่องการลงนะหน้าทองที่วัดศาลารีได้สั่งให้พระเลขาลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และคิดว่าพิธีนี้ควรจะหยุดทำ ให้หาวิธีอื่นแทนเพราะพอเป็นเรื่องมาก็ทำให้ถูกคนโจมตีได้ อย่าฝืนทำมันเป็นเรื่องไม่ดี แม้ว่าจะมองได้เป็นสองมุม

ด้านเจ้าอาวาสวัดศาลารีเผยว่าหลังสำนักพุทธและฝ่ายปกครองคณะสงฆ์ลงพื้นที่วัด ได้มีการหารือกันและได้ข้อตกลงว่าให้งดการลงนะทองในช่วงนี้ และเรื่องร้านขายลอตเตอรี่ในวัด ทางวัดไม่ได้มีการขายลอตเตอรี่แต่อย่างใด มีเพียงแค่พ่อค้าแม่ค้าปั่นจักรยานเข้ามามาขายกันเองเท่านั้น แต่อาตมาก็จะปรับปรุงด้วยการปิดป้ายประกาศเตือนต่อไป