- 18 ม.ค. 2565
ใกล้จบเต็มที? โควิด19 ใกล้กลายเป็นโรคประจำถิ่น ศูนย์จีโนมฯ เปิดข้อมูลเริ่มเห็นแสงสว่าง อยู่ที่ว่า...จะทำได้หรือไม่!
จากที่เริ่มกลับมาระบาดอีกรอบจนครั้งนี้ ทำเอาคนในวงการบันเทิงต่างร้อนๆ หนาวๆ อย่างหนัก เนื่องจากที่การประกาศติดเชื้อโควิดของคนดังในวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนักแสดง ครีเอทีฟรายการ นักร้อง ล่าสุดลามไปถึงวงการนางงามกันแล้วที่ก่อนหน้านี้ แอนชิลี MUT 2021 และ อแมนด้า ออบดัม MUT 2020 แจ้งข่าวติดเชื้อโควิด
โดยเมื่อไม่นานมานี้ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการระบาดของโรคโควิด 19 ว่า "เริ่มได้เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์กันแล้ว
"คำเตือน" คอนเทนต์ต่อไปนี้เป็นการคาดคะเนอาศัยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จาก 3 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามโรคโควิดยังถือว่าเป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ ที่เรายังไม่เข้าใจธรรมชาติของการเกิดโรคอย่างถ่องแท้ การคาดคะเนถึงเหตุการณ์ในอนาคตของโรคนี้อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ ดังนั้นต้องไม่ประมาทการ์ดหรือมาตรการต่างๆที่เราร่วมปฏิบัติกันมาอย่างเข้มข้นต้องไม่ลดหย่อน
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ตรวจสายพันธุ์ไวรัสโคโรนา 2019 จาก รพ. รัฐ และ เอกชน ใน กรุงเทพ และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 3-16 มค 2565 พบ
โอมิครอน 97.1% (69/71)
เดลตา 2.8% (2/71)
ตัวอย่างสุ่มตรวจจากเรือนจำ
เดลตา 100% (30/30)
อันหมายถึงในกรุงเทพ หากไม่นับในเรือนจำ "โอไมครอน" น่าจะเข้ามาแทนที่ "เดลตา" เกือบหมดแล้ว "Twindemic" หรือการติดเชื้อสองสายพันธุ์ ระหว่าง "โอมิครอน" และ "เดลตา" ไปพร้อมกันในระยะเวลาสั้นๆ ได้จบลงแล้ว ไม่นาน "โควิดโอมิครอน" คงจะกระจายไปทั่วประเทศ ไม่ช้าคงเป็นตามที่ ดร. แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนสำคัญในคณะทำงานเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลสหรัฐ ได้เตือนว่า
"ในที่สุดแทบทุกคนจะติดเชื้อไวรัส โอไมครอน (เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ที่คนส่วนใหญ่บนโลกได้เคยติดเชื้อกันแล้ว) จากนั้นทั้งภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและจากการติดเชื้อตามธรรมชาติจะพุ่งขึ้นสูง ลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 และลดอัตราการเสียชีวิตลงอย่างรวดเร็ว เห็นปรากฏการนี้ได้อย่างชัดเจนจากข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตทั่วโลกจาก โอมิครอนโควิด"
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแอฟริกาใต้ลดลงจนเข้าสู่สภาวะปรกติ ในขณะที่ผู้เสียชีวิตไม่มาก มีประชากรติดเชื้อไวรัสจากธรรมชาติเป็นจำนวนมาก
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอังกฤษเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้เสียชีวิตไม่มาก อังกฤษใช้วัคซีนไวรัสเป็นพาหะ และเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนสารพันธุกรรม (mRNA)
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าใกล้ถึงจุดสูงสุดใน 1-2 อาทิตย์ข้างหน้าในขณะที่ผู้เสียชีวิตไม่มาก อเมริกาใช้วัคซีน mRNA เป็นวัคซีนนำสองเข็มแรก และใช้เป็นเข็มกระตุ้นด้วย
ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย รวมทั้งอิหร่าน ที่มีการติดเชื้อจากธรรมชาติในอัตราสูงนำมาก่อน ก่อนจะมารับวัคซีนเชื้อตาย และสลับมารับวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ และ/หรือ วัคซีน mRNA เป็นเข็มกระตุ้น พบว่าได้ผลดีมาก มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากโอมิครอนและผู้เสียชีวิตต่ำ
ประเทศไทย มีการติดเชื้อจากธรรมชาติไม่มาก ได้รับวัคซีนเชื้อตาย และสลับมารับวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ และ/หรือ วัคซีน mRNA เป็นเข็มกระตุ้น ได้ผลดีเช่นกัน แม้จะเห็นผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงแรก แต่ขณะouhเริ่มคงตัวและเริ่มลดระดับลง (จากโอมิครอน) แต่ผู้เสียชีวิตลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไวรัสโคโรนา 2019 คงจะจบเกม (End game) กลายเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) เหมือนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมาตามฤดูกาล โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณร้อยละ 0.1
เงื่อนไขสำคัญที่จะเร่งให้โควิด กลายเป็นโรคประจำถิ่นได้ภายในปีนี้คือ การฉีดวัคซีนให้กับประชากรในทุกประเทศทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้ผู้นำโลกช่วยบรรดาประเทศที่กำลังพัฒนาดำเนินการฉีดวัคซีนอย่างน้อยร้อยละ 70 ของประชากรโลก เพื่อทั้งป้องกันหรือชะลอการป่วยหนัก และเสียชีวิต
มิให้เกิดกับประชาชนหมู่มากพร้อมๆ กันอันจะทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศเหล่านั้นล่มสะลาย รวมถึงเป็นการป้องกันการเกิดไวรัสกลายพันธุ์อย่างในกรณีของสายพันธุ์ อัลฟา "เบตา" และ "โอมิครอน" หรือสายพันธุ์อื่นที่อาจอุบัติขึ้นในอนาคต จากกลุ่มประชากรที่ไม่ได้รับวัคซีน"
** ข้อมูลข้างต้นปรับปรุง 17/1/2565 16.30 **
ข้อมูลจาก Center for Medical Genomics