- 26 ม.ค. 2565
สาวญี่ปุ่นร่ำไห้ต่อหน้าสื่อ หลังประกาศตามหาแมวสุดรักที่หายไป ขึ้นป้ายคัตเอ้าท์ยักษ์ให้รางวัลตัวละ 3 หมื่นบาท
เมื่อวันที่ (23 ม.ค.65) ที่ผ่านมามีการแชร์โพสต์ตามหาแมวรัก 2 ตัวที่หายไปจากบ้านพักของชาวต่างชาติผ่านโซเชียลมีเดีย โดยได้มีการขึ้นป้ายคัตเอ้าท์ภาพเจ้าเหมียว 2 ตัวที่หายไปขนาดใหญ่บริเวณสี่แยกบ้านกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
ต่อมาเมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 24 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังผู้ประสานงานเจ้าของแมวทั้ง 2 ตัวที่เป็นของชาวญี่ปุ่น เพื่อสอบถามรายละเอียดต่างๆ พบว่าป้ายคัตเอ้าท์ดังกล่าวขึ้นอยู่บนอาคารพาณิชย์ริมถนน โดยป้ายดังกล่าวระบุข้อความและภาพว่า ตามหาแมว 2 ตัว รางวัล 30,000 บาทต่อตัว โดยมีภาพตัวแรกเป็นแมวเพศผู้ชื่อ โกมะจัง ส่วนอีกตัวเป็นแมวเพศเมีย ชื่อ ทามะ จัง สำหรับคนที่พบแมวทั้ง 2 ตัว ให้โทรแจ้งที่เบอร์ 083-8321955 (คุณเมย์)
น.ส.เมย์ กล่าวว่า วันนั้นมีพนักงานมาส่งพัสดุแล้วบังเอิญไม่ได้ปิดประตู แมวเลยวิ่งหนีออกไป มาเริ่มหาตอนเย็น ตั้งแต่วันนั้นก็ยังหาไม่เจอ ทำทุกวิถีทาง ลองหาตอนกลางคืน ส่องไฟหรือว่าเอาหม้อคลุมหัว ก็ไม่เป็นผล โดยแมวหายไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ก็ได้มีการตามหามาตลอดแต่ ไม่มีวี่แวว คนในซอยก็พยายามส่งรูปแมวให้ดู ไปดูจริงๆก็ไม่ใช่ แมวที่หายไปตัวผู้ชื่อโกมะ อายุประมาณ 5 ปี ตัวเมียชื่อทามะ อายุประมาณ 6 ปี หายไป 2 ตัวจากทั้งหมด 4 ตัว ตอนนี้ก็ยังหาอยู่ตลอด เดิมทีทำโปสเตอร์หา ใบปลิว ก็ให้รางวัลอยู่ที่ 10,000 บาท แต่ไม่มีข่าวคราวกลับมา จึงปรึกษากับเจ้าของแมวที่เป็นนายจ้างชาวญี่ปุ่นจึงได้ให้ดำเนินการขึ้นป้ายคัตเอ้าท์ประกาศตามหาแมวทั้ง 2 ตัวที่หายออกจากบ้านพักในพื้นที่ ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
โดยเริ่มติดป้ายขนาดใหญ่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 22 ม.ค.65โดยได้เช่าป้ายคัตเอ้าท์ขนาดใหญ่ 2 จุด ในพื้นที่ ต.กมลา เพื่อขึ้นป้ายประกาศตามหาแมวทั้ง 2 ตัว ซึ่งเฉพาะค่าป้ายประกาศรวมค่าใช้จ่ายประมาณ 3 แสนบาท และกรณีที่มีการแจ้งเบาะแสและนำแมวมาส่งคืนได้ คนที่พบจะได้รับรางวัลตัวละ 30,000 บาทและได้มีการติดป้ายตามซอยในพื้นที่เผื่อผู้ที่เจอแมวทั้ง2ตัวและจะได้นำมาคืนต่อไป
ด้านเจ้าของแมว ที่เป็นชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า “ฉันเป็นคนญี่ปุ่นค่ะ แมวที่ฉันรักมากหายไป ฉันรักแมวมากๆ ฉันเสียใจมากๆ ไม่มีกำลังใจใช้ชีวิต ช่วยฉันหาหน่อยได้ไหมคะ I love you so I miss you I want to please for look so my two cat ขอบคุณมากค่ะ”
ขอบคุณที่มา : Phuket Times ภูเก็ตไทม์